แนวทางการจัดการความปลอดภัยในการทำพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์

บทคัดย่อ

           การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ได้แนวทางการจัดการความปลอดภัยของผู้บริโภคในการทำพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ โดย มีกลุ่มตัวอย่างเป็น ผู้บริโภคที่เคยซื้อสินค้าออนไลน์ จากกลุ่มคนวัยทำงาน ที่มีอายุระหว่าง 18 ปี ขึ้นไป จำนวน 400 คน แบ่งเป็น 2 ส่วน
          ส่วนที่ 1 เป็นการศึกษาและวิเคราะห์ปัญหาความปลอดภัยและอุปสรรคของผู้บริโภคในการทำพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเก็บข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามกับผู้บริโภคที่เคยซื้อสินค้าออนไลน์ จากกลุ่มคนวัยทำงาน ที่มีอายุระหว่าง 18 ปี ขึ้นไป ซึ่งเก็บข้อมูลโดยใช้แบบสอบถาม สถิติที่ใช้ได้แก่สถิติเชิงพรรณนา ใน การวิเคราะห์ข้อมูลทั่วไปของกลุ่มตัวอย่าง หาความสัมพันธ์โดยการทดสอบความแตกต่างของค่าเฉลี่ย ใช้ t-test dependent และ One way ANOVA เพื่อหาผลต่างของระดับความคิดเห็นด้วยวิธีจับคู่พหุคู่ และการวิเคราะห์สหสัมพันธ์
          ส่วนที่ 2 เป็นการศึกษาแนวทางการจัดการความปลอดภัยในการทำพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ในการเก็บข้อมูลใช้การสนทนากลุ่มผู้อำนวยการสำนักพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ รองผู้อำนวยการฝ่ายกฎหมาย เจ้าหน้าที่สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ที่เกี่ยวข้องกับการทำพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ และการสัมภาษณ์เชิงลึกผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) เจ้าหน้าที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เจ้าหน้าที่สำนักกองขายตรงและตลาดแบบตรง สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษกรรมการบริหาร บริษัท อสมท จำกัด ผู้บริโภคที่ได้รับความเสียหาย กรณีซื้อสินค้าจากร้านค้าทางออนไลน์  ผู้ประกอบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ นักการเงินและธนาคาร   ผลการศึกษาพบว่า 1) ปัญหาความปลอดภัยและอุปสรรคของผู้บริโภคในการทำพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์มี 2 ระดับ ได้แก่ ระดับหน่วยงานและระดับบุคคล 2) แนวทางการจัดการความปลอดภัยของผู้บริโภคในการทำพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ประกอบไปด้วย 6 ด้าน ได้แก่ (1) สร้างแนวทางในการให้ความรู้กับผู้บริโภคในการเลือกซื้อสินค้า/บริการทางออนไลน์ กับร้านค้าที่มีความน่าเชื่อถือและมีความมั่นคงปลอดภัย (2) ส่งเสริมให้ผู้บริโภคมีความรู้ความเข้าใจในการชำระเงินค่าสินค้า/บริการทางออนไลน์ อย่างปลอดภัย (3) ส่งเสริมให้ผู้บริโภคมีความรู้ความใจเกี่ยวกับสิทธิและหน้าที่ของตนเองและกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการทำพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (4) ภาครัฐควรปรับปรุง พัฒนากฎหมายเกี่ยวกับพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ให้มีความทันสมัย (5) เพิ่มอัตรากำลังเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐให้เพียงพอกับปริมาณงานที่เกี่ยวข้อง (6) จัดทำคู่มือการซื้อสินค้า/บริการทางออนไลน์แจกจ่ายประชาชนทั่วไป