การใช้ประโยชน์และความพึงพอใจในการเปิดรับข้อมูลข่าวสารผ่านสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ของนักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยเซนต์จอห์น
คำสำคัญ:
การใช้ประโยชน์และความพึงพอใจ, การเปิดรับข้อมูลข่าวสารผ่านสื่อสังคมออนไลน์, การส่งเสริมการเรียนรู้, นักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยเซนต์จอห์นบทคัดย่อ
การศึกษาวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อศึกษาพฤติกรรมการเปิดรับข้อมูลข่าวสารผ่านสื่อสังคมออนไลน์เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ ของนักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยเซนต์จอห์น 2) เพื่อศึกษาการใช้ประโยชน์จากข้อมูลข่าวสารผ่านสื่อสังคมออนไลน์เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ ของนักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยเซนต์จอห์น 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจต่อข้อมูลข่าวสารผ่านสื่อสังคมออนไลน์เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ ของนักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยเซนต์จอห์น ระเบียบวิธีวิจัยในครั้งนี้ ผู้วิจัยได้ใช้วิธีการศึกษาแบบผสมผสาน (Mix-Methods) ของการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) ประชากรที่ใช้ในการศึกษาคือนักศึกษาระดับปริญญาตรี ของมหาวิทยาลัยเซนต์จอห์นทั้งหมด ในการเก็บรวบรวมข้อมูลใช้แบบสอบถาม และแบบสัมภาษณ์ เป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล
ผลการศึกษา พบว่า ประเภทของสื่อสังคมออนไลน์ที่ใช้เปิดรับข้อมูลข่าวสารเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ จำนวนที่มากที่สุด คือ Facebook ประเภทของสื่อสังคมออนไลน์ที่ใช้เปิดรับข้อมูลข่าวสารเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้มากที่สุด คือ Google+ ความถี่ในการเข้าใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์เพื่อเปิดรับข้อมูลข่าวสารเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ มากที่สุดคือ มากกว่า 1 ครั้งต่อวัน ระยะเวลาโดยเฉลี่ยในการเข้าใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์เพื่อเปิดรับข้อมูลข่าวสารเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ในแต่ละวัน มากที่สุดคือ 30 นาที-1 ชั่วโมง ช่วงเวลาที่เข้าใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์เพื่อเปิดรับข้อมูลข่าวสารเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้บ่อยที่สุด มากที่สุดคือ ช่วงเวลา 20.01-24.00 น. สถานที่ที่เข้าใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์เพื่อเปิดรับข้อมูลข่าวสารเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้มากที่สุด จำนวนมากที่สุดคือ บ้าน อุปกรณ์ในการเข้าใช้งานเครือข่ายสังคมออนไลน์เพื่อเปิดรับข้อมูลข่าวสารเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้มากที่สุด จำนวนมากที่สุด คือ โทรศัพท์มือถือ/สมาร์ทโฟน ลักษณะในการใช้สื่อสังคมออนไลน์ในการเปิดรับข้อมูลข่าวสารเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้จำนวนมากที่สุด คือ พูดคุย / สนทนา ประเภทของข้อมูลข่าวสารที่เปิดรับเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้จำนวนมากที่สุด คือ ท่องเที่ยว ประเภทของข้อมูลข่าวสารที่เปิดรับเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้มากที่สุด คือ ข่าวสาร พฤติกรรมการเปิดรับข้อมูลข่าวสารเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ จำนวนมากที่สุด คือ เลือกอ่านเฉพาะเรื่องที่สนใจ การใช้ประโยชน์จากการเปิดรับข้อมูลข่าวสารผ่านสื่อสังคมออนไลน์เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ พบว่า กลุ่มตัวอย่างมีการใช้ประโยชน์จากการเปิดรับข้อมูลข่าวสารผ่านสื่อสังคมออนไลน์เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ ในภาพรวมอยู่ในระดับมาก โดยมีค่าเฉลี่ยรวม 4.44 ความพึงพอใจจากการเปิดรับข้อมูลข่าวสารผ่านสื่อสังคมออนไลน์เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ พบว่า กลุ่มตัวอย่างมีความพึงพอใจจากการเปิดรับข้อมูลข่าวสารผ่านสื่อสังคมออนไลน์เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ ในภาพรวมอยู่ในระดับมาก โดยมีค่าเฉลี่ยรวม 4.44
เอกสารอ้างอิง
กาญจนา แก้วเทพ.(2552). การวิเคราะห์สื่อ:แนวคิดและเทคนิค. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, คณะนิเทศศาสตร์ .
ศิริชัย ศิริกายะ, และกาญจนา แก้วเทพ. (2531). ทฤษฏีการสื่อสารมวลชน. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, คณะนิเทศศาสตร์ .
ปรมะ สตเวทิน. (2546). การสื่อสารมวลชนกระบวนการและทฤษฏี. กรุงเทพฯ: ภาพพิมพ์.
ยุบล เบ็ญจรงค์กิจ. (2534). การวิเคราะห์ผู้รับสาร. คณะนิเทศศาสตร์. กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ใบบัว นามสุข. (2555). พฤติกรรมการอ่านกับความพึงพอใจและการนาไปใช้ประโยชน์จากนวนิยาย
ออนไลน์ของเยาวชนไทย. วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน .
ชฏาภรณ์ สวนแสน. (2556). พฤติกรรมการเปิดรับ แรงจูงใจ ความพึงพอใจ และการใช้ประโยชน์ จากข้อมูลข่าวสารบนเว็บไซต์หนังสือพิมพ์ไทยของกลุ่มผู้อ่านในเขตกรุงเทพมหานคร. วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน .
องอาจ ฤทธิ์ทองพิทักษ์. (2539). พฤติกรรมการสื่อสารผ่านระบบเวิลด์ไวด์เว็บของนักศึกษาในเขต กรุงเทพมหานคร. วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
อริชัย อรรคอุดม. (2545). ความคาดหวัง ความพึงพอใจ ในการใช้บริการระบบเครือข่าย อินเทอร์เน็ตในการหางานและสมัครงานของประชาชนในเขตกรุงเทพมหานคร. วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2022 สถาบันวิทยาการจัดการแห่งแปซิฟิค

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของ สถาบันวิทยาการจัดการแห่งแปซิฟิค
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับสถาบันวิทยาการจัดการแห่งแปซิฟิค และคณาจารย์ท่านอื่นๆในสถาบันฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว
