กลยุทธ์การแข่งขันของธุรกิจสปาในประเทศไทย

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณ โดยมุ่งวิจัย 1)พฤติกรรมการใช้บริการของลูกค้าธุรกิจสปา 2) ระดับความสำคัญของปัจจัยที่นำไปสู่กลยุทธ์การแข่งขันของธุรกิจสปา 3)หาความสัมพันธ์ระหว่างพฤติกรรมการใช้บริการของลูกค้ากับระดับความสำคัญของกลยุทธ์การแข่งขันของธุรกิจสปาในประเทศไทย 4)กลยุทธ์การแข่งขันของธุรกิจสปาในประเทศไทยโดยสุ่มตัวอย่างแบบบังเอิญจำนวน 385 ตัวอย่าง  แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บข้อมูลมีความ วิเคราะห์ข้อมูลใช้โปรแกรมสำเร็จรูปทางสถิติ  สถิติที่ใช้คือ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สำหรับการทดสอบสมมติฐานสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์นั้นโดยการวิเคราะห์หาความสัมพันธ์ของเพียรสัน และถดถอยเชิงพหุคูณ ระดับนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ผลการวิจัยดังนี้

1) ระดับพฤติกรรมการใช้บริการธุรกิจสปาในประเทศไทยในภาพรวมเฉลี่ยและทุกด้านผู้ใช้บริการสปามีพฤติกรรมระดับมาก หากพิจารณาระดับพฤติกรรมการใช้บริการธุรกิจสปาในประเทศไทยจากค่าเฉลี่ย พบว่า ลำดับแรกด้านผู้มีส่วนในการตัดสินใจใช้บริการสปา ( = 4.03) ด้านจำนวนครั้งที่ใช้บริการสปาในรอบ 3 เดือนที่ผ่านมา ( = 4.01) ด้านลักษณะสปาที่เคยใช้บริการ ( = 3.93) และด้านค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อครั้งในการใช้บริการสปา ( = 3.82) เรียงตามลำดับ

2) ระดับความสำคัญปัจจัยที่นำไปสู่กลยุทธ์การแข่งขันของไทยธุรกิจสปาในประเทศไทยภาพรวมเฉลี่ย และทุกด้านผู้ใช้บริการสปามีระดับความสำคัญมาก หากพิจารณาระดับความสำคัญความสำคัญปัจจัยที่นำไปสู่กลยุทธ์การแข่งขันของไทยธุรกิจสปาในประเทศไทย พบว่า ลำดับแรกด้านบุคลากรผู้ให้บริการ (=4.08) ด้านการจัดจำหน่าย (=4.04)ด้านลักษณะทางกายภาพ (=4.03 )ด้านกระบวนการให้บริการ (=3.98)ด้านราคาให้บริการ (=3.95) ด้านส่งเสริมการตลาด (=3.95)ด้านผลิตภัณฑ์(=3.94)และด้านการสร้างความแตกต่าง (=3.89)เรียงตามลำดับ

3) ปัจจัยนำไปสู่กลยุทธ์การแข่งขันของธุรกิจสปาในประเทศไทยในภาพรวมเฉลี่ยมีความสัมพันธ์ปานกลางกับพฤติกรรมการใช้บริการของลูกค้าธุรกิจสปา

4) กลยุทธ์การแข่งขันของธุรกิจสปาในประเทศไทย ในการดำเนินธุรกิจผู้บริหารธุรกิจสปาจะต้องปรับปรุงลักษณะทางกายภาพโดยตกแต่ง  การตกแต่งร้านให้มีบรรยากาศที่อบอุ่นเป็นแบบธรรมชาติด้วยต้นไม้ (สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ = .873 ) ฝึกอบรมพัฒนาบุคลากร ให้เป็นมืออาชีพ(สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ = .758)  สร้างความแตกต่างในการบริการและผลิตภัณฑ์(สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ =.710)กำหนดราคาที่สามารถแข่งขันและราคาจิตวิทยา(สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ =.572) ส่งเสริมการตลาดลดราคาให้สมาชิกและมีการโฆษณาผ่านสื่อออนไลน์(สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ =.558) ปรับปรุงกระบวนการให้บริการ(สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ =.467) ปรับปรุงผลิตภัณฑ์ (สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ =.332) เรียงตามลำดับ