Knowledge of Elderly Health Care in the Homes of Senior High School Students in Pathum Thani Province
Keywords:
Elderly, knowledge of elderly health care, senior high school studentsAbstract
The purposes of this research were to study knowledge level and compare knowledge of elderly health care in the homes of senior high school grade 5 students in Pathum Thani Province. The sampling of purposive were consisted of 410 senior high school students selected by stratified random sampling at Samkoke School of 220 and Kanaratbamrung Schools of 190. Data were collected using the demographic data record form, the knowledge of elderly health care questionnaire. Checked the content by 3 experts, found that content validity test were at. 0.85 and reliability test of knowledge of elderly health care were conducted using KR- 20 result was at 0.925.The data was analyzed by using means, standard deviation, and t-test.
The results revealed that senior high school grade 5 students most of the 85% of Kanaratbamrung Schools had low scores in taking care of the elderly in health care, and most of the students at SamKhok School of 85% had moderate scores. The average comparison elderly health care knowledge score of students in senior high school grade 5 students Samkhok School with Kanaratbamrung School There was a statistically significant difference at the .05.
References
กรมกิจการผู้สูงอายุ. (2560). ปัญหาสุขภาพผู้สูงอายุไทย. สืบค้นวันที่ 20 กรกฎาคม 2564 จาก. https://www.dop.go.th/th/news/
เกษร สำเภาทอง. (2559). การพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง และการมีส่วนร่วมของชุมชน จังหวัดปทุมธานี. วารสารการพยาบาลและการดูแลสุขภาพ. 34(2): 132-141.
ธีรนันท์ วรรณศิริ. (2559). การพัฒนาสัมพันธภาพวัยรุ่นและผู้สูงอายุในครอบครัวของชุมชนโพรงมะเดื่อ. วารสารวิจัยเพื่อการพัฒนาเชิงพื้นที่ 2(5). 856-866.
ภุชพงค์ โนดไธสง, 2560. ผลสำรวจประชากรสูงอายุในประเทศไทย 2560. สืบค้นวันที่ 20 กรกฎาคม 2560 จาก http://www.nso.go.th/sites/2014/Pages/News/2561/N10-07-61.aspx
บุษยา วงษ์ชวลิตกุล และคณะ. (2559). ความรู้และทัศนคติของผู้ดูแลผู้สูงอายุ กรณีศึกษา ผู้ดูแลผู้สูงอายุในสถานสงเคราะห์คนชราบ้านธรรมปกรณ์โพธิ์กลาง และสถานสงเคราะห์คนชราบ้านธรรมปกรณ์ วัดม่วงจังหวัดนครราชสีมา. วารสารวิชาการบริหารธุรกิจ. 5(2), : 74-91.
ประนอม โอทกานนท์,จิราพร เกศพิชญวัฒนา. (2551). การศึกษาความต้องการการพยาบาลของผู้สูงอายุ ในชมรมและสถานสงเคราะห์ผู้สูงอายุ. คณะพยาบาลศาสตร์, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ประอรนุช เชื่อถือ. (2555). ความสัมพันธ์ระหว่างบทบาทครอบครัวในการส่งเสริมสุขภาพกับพฤติกรรมการส่งเสริมสุขภาพของผู้สูงอายุ. วิทยานิพนธ์พยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการพยาบาลครอบครัว บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยขอนแก่น
พนม เกตุมาน. (2550). ปัญหาพฤติกรรมวัยรุ่น. สืบค้นวันที่ 10 ตุลาคม 2553 จาก http://www.psyclin.co.th/new_page_56.htm
มูลนิธิสถาบันวิจัยและ พัฒนาผู้สูงอายุ, (2554). รายงานประจำปี สถานการณ์ผู้สูงอายุไทย พ.ศ.2553. นนทบุรี: เอสเอสพลัสมีเดีย.
รัถยานภิศ พละศึก, เบญจวรรณ ถนอมชยธวัช. (2560). ตัวแบบของครอบครัวในการดูแลผู้สูงอายุ. วารสารเครือข่ายพยาบาลและสาธารณสุขภาคใต้ 4(3), : 135-145.
ศศิพัฒน์ ยอดเพชร. (2552). ครอบครัวและผู้สูงอายุ. ใน ชื่นตา วิชชาวุธ (บก.), การทบทวนและสังเคราะห์องค์ความรู้ผู้สูงอายุไทย พ.ศ. 2545-2550. แผนงานวิจัยเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ ดี ของผู้สูงอายุสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) มูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทย.
สถาบันวิจัยประชากรและสังคม. (2557). ประชากรและการพัฒนา.นครปฐม: มหาวิทยาลัยมหิดล.
สำนักงานสถิติแห่งชาติ.รายงานการสำรวจประชากรสูงอายุในประเทศไทย พ.ศ. 2557. สืบค้นเมื่อวันที่ 16พ.ค. 2559. จาก: http://service.nso.go.th/
Ebersole, P. A., & Hess, P. (1990). Toward healthy aging: Human and needs and nursing Response (3rd ed.). St. Louis Missouri: The C.V. Mosby Company.
Krejcie, R. V. & Morgan, D. W. (1970). Determining Sample Size for Research Activities. Educational and Psychological Measurement, 30(3), pp. 607-610.
Downloads
Published
Issue
Section
License
Copyright (c) 2021 Pacific Institute of Management Science
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของ สถาบันวิทยาการจัดการแห่งแปซิฟิค
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับสถาบันวิทยาการจัดการแห่งแปซิฟิค และคณาจารย์ท่านอื่นๆในสถาบันฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว