ความสัมพันธ์ระหว่างการบริหารงานวิชาการของผู้บริหารกับความผูกพันของครูใน โรงเรียนเอกชน ในกำกับของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาขอนแก่น เขต 1
คำสำคัญ:
การบริหารงานวิชาการของผู้บริหาร, การรับรู้ความผูกพันของครูบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาการบริหารงานวิชาการของผู้บริหารตามความคิดเห็นของครูในโรงเรียนเอกชน 2) เพื่อศึกษาความผูกพันของครู 3) เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการบริหารงานวิชาการของผู้บริหารกับความผูกพันของครูในโรงเรียนเอกชนในกำกับของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาขอนแก่น เขต1 กลุ่มตัวอย่างที่ศึกษาได้แก่ ครูโรงเรียนเอกชนในกำกับของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาขอนแก่นเขต 1 จำนวน 192 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นแบบสอบถามแบบมาตราส่วนประมาณค่า สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สัน ผลการวิจัยสรุปได้ ดังนี้
1. ครูในโรงเรียนเอกชนในกำกับของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา ขอนแก่น เขต 1 มีการรับรู้เกี่ยวกับการบริหารงานวิชาการของผู้บริหาร โดยภาพรวมและรายด้านอยู่ในระดับมาก ด้านที่สูงสุด คือ ด้านการวัดผลประเมินผล รองลงมา คือ ด้านการจัดการเรียนการสอน และด้านการประกันคุณภาพ ตามลำดับ
2. ความผูกพันของครูโดยภาพรวมและรายด้านอยู่ในระดับมาก ด้านที่มีความผูกพันสูงที่สุดคือความผูกพันต่อวิชาชีพ รองลงมาได้แก่ด้านความผูกพันต่อโรงเรียน และด้านความผูกพันต่อการเรียนรู้ของผู้เรียนตามลำดับ
3. การบริหารงานวิชาการของผู้บริหาร มีความสัมพันธ์ทางบวกกับความผูกพันของครูในโรงเรียนเอกชน ในกำกับของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาขอนแก่นเขต 1 โดยภาพรวมอยู่ในระดับปานกลาง อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 โดยการบริหารงานวิชาการของผู้บริหารมีความสัมพันธ์กับความผูกพันแต่ละด้าน ดังนี้ การบริหารงานวิชาการของผู้บริหาร มีความสัมพันธ์กับความผูกพันต่อการเรียนรู้ของผู้เรียน หลักสูตรและการใช้หลักสูตร มีความสัมพันธ์กับ ความผูกพันต่อการเรียนรู้ของผู้เรียน ความสัมพันธ์ระหว่างองค์ประกอบหลักสูตรและการใช้หลักสูตรมีความสัมพันธ์ กับการจัดการเรียนการสอน ความผูกพันต่อโรงเรียนมีความสัมพันธ์กับความผูกพันต่อวิชาชีพ
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ข้อความที่ปรากฎในวารสารฉบับนี้เป็นความคิดเห็นของผู้เขียนแต่ละท่าน สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏเลย และกองบรรณาธิการ ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยและไม่มีส่วนรับผิดชอบใดๆ
สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏเลย ขอให้ผู้อ่านอ้างอิงในกรณีที่ท่านคัดลอกเนื้อหาบทความในวารสารฉบับนี้