ปัจจัยที่มีผลต่อความยากจนและความเหลื่อมล้ำของรายได้ของผู้มีรายได้น้อย: กรณีศึกษาอำเภอเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์
คำสำคัญ:
ความยากจน, ความเหลื่อมล้ำ, ผู้มีรายได้น้อยบทคัดย่อ
งานวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อความยากจนและความเหลื่อมล้ำทางรายได้ของผู้มีรายได้น้อย กรณีศึกษาอำเภอเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์ เพื่อหาแนวทางในการพัฒนาและส่งเสริมผู้มีรายได้น้อย กรณีศึกษาอำเภอเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์ให้พ้นกับดักความยากจน ประชากร คือ กลุ่มผู้มีรายได้น้อยในพื้นที่อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ ในปีงบประมาณ 2561 จำนวน 54,366 ราย โดยใช้วิธีการเลือกตัวอย่างของ Yamane ที่ระดับความเชื่อมั่น 95% ดังนั้น ขนาดตัวอย่างของการศึกษาครั้งนี้เท่ากับ 400 ตัวอย่าง เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูล ได้แก่ แบบสอบถาม ซึ่งประกอบไปด้วย 2 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 ลักษณะส่วนบุคคลของผู้ตอบแบบสอบถาม ส่วนที่ 2 ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อความยากจนและความเหลื่อมล้ำของรายได้ พบว่า กลุ่มตัวอย่างทั้งสิ้น 400 คน ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง จำนวน 255 คน และ เพศชาย จำนวน 145 คน ส่วนใหญ่อายุ 46-59 ปี จำนวน 141 คน รองลงมา อายุ 26-35 ปี จำนวน 104 คน และน้อยที่สุด อายุ ไม่เกิน 25 ปี จำนวน 35 คน ระดับการศึกษาชั้นประถมศึกษาหรือ ต่ำกว่า จำนวน 202 คน และรองลงมาได้แก่ ระดับปริญญาตรีหรือเทียบเท่า จำนวน 105 คน ส่วนใหญ่มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนระหว่าง 5,000 - 10,000 บาท จำนวน 241 คน และมีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน ระหว่าง 10,001 - 15,000 บาท จำนวน 159 คน ส่วนใหญ่มีจำนวนสมาชิกในครอบครัว ระหว่าง 4 - 6 คน จำนวน 243 คน และ ระหว่าง 2 - 3 คน จำนวน 157 คน ส่วนใหญ่เป็น ผู้มีค่าใช้จ่ายหลักในครอบครัว จำนวน 213 คน และไม่ใช่ผู้มีค่าใช้จ่ายหลักในครอบครัว จำนวน 187 คน และมีระดับปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อความยากจนและความเหลื่อมล้ำของรายได้ โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก (= 3.76, S.D. = 0.62) ส่วนที่การวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยข้อมูลส่วนบุคคล พบว่า เพศ อายุ อาชีพ ระดับการศึกษา และระดับรายได้ของผู้ตอบแบบสอบถาม มีอิทธิพลต่อความยากจนและความเหลื่อมล้ำของรายได้ ที่ระดับนัยสำคัญ .05 ข้อเสนอแนะสำหรับการวิจัยครั้งต่อไป ควรมีการศึกษาให้ครอบคลุมทุกอำเภอของจังหวัดเพชรบูรณ์ เพื่อเก็บข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติม โดยการศึกษาวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative research) และควรทบทวนวรรณกรรมเพื่อเพิ่มตัวแปรที่เกี่ยวข้องในการศึกษา เช่น การได้รับความสนับสนุนจากเจ้าหน้าที่ภาครัฐผู้นำนโยบายมาปฏิบัติเพื่อลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำทางรายได้ของประชาชน
เอกสารอ้างอิง
กัญจน์อมล ศรีพิมพ์. (2562). ข้อมูลสถิติผู้มีรายได้น้อยในพื้นที่อำเภอเมืองเพชรบูรณ์. เพชรบูรณ์: สำนักงานคลังจังหวัดเพชรบูรณ์.
กัลยา วานิชย์บัญชา. (2552). สถิติสำหรับงานวิจัย. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ณัฏฐพงศ์ ทองภักดี. (2558). เศรษฐศาสตร์นโยบายสาธารณะ. กรุงเทพฯ: คณะพัฒนาการเศรษฐกิจ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์.
วรายุทธ์ พลาศรี. (2556). การศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อความยากจนของครัวเรือนในชนบท กรณีศึกษาจังหวัดมหาสารคาม. วารสารมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม, 7(1), 29-38.
สวรัย บุณยมานนท์, ปภัศร ชัยวัฒน์ และ วรรณภา อารีย์. (2554). การวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรกับความเหลื่อมล้ำทางรายได้ในประเทศไทย. กรุงเทพฯ: สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย.
สำนักงานคลังจังหวัดเพชรบูรณ์. (2562). ข้อมูลสถิติผู้มีรายได้น้อยในพื้นที่อำเภอเมืองเพชรบูรณ์. เพชรบูรณ์: สำนักงานคลังจังหวัดเพชรบูรณ์.
สำนักงานฐานข้อมูลและตัวชี้วัดภาวะสังคม. (2561, กรกฎาคม). รายงานสถานการณ์ความยากจนและความเหลื่อมล้ำด้านรายได้ในระดับภาคของประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. สืบค้นจาก http://social.nesdc.go.th/social/Default.aspx?tabid=127&articleType=Search.
สำนักงานสถิติจังหวัดเพชรบูรณ์. (2562, 18 มิถุนายน). การสำรวจภาวการณ์ทำงานของประชากร. สืบค้นจาก http://phchabun.nso.go.th/index.
สุพิชชา โชติกำจร. (2561). ภาวะความยากจนและคุณภาพชีวิตของครัวเรือนเกษตรกรในเขตจังหวัดเพชรบูรณ์. วารสารราชภัฏเพชรบูรณ์สาร, 21(1), 87-94.
สุรเดช ตระกูลคูศรี. (2541). การวิเคราะห์การกระจายรายได้และภาวะความยากจนของครัวเรือนเกษตร. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์บัณฑิตวิทยาลัย.
Yamane, T. (1973). Statistics: An Introductory Analysis. New York: Harper and Row.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2022 วารสารวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏเลย

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ข้อความที่ปรากฎในวารสารฉบับนี้เป็นความคิดเห็นของผู้เขียนแต่ละท่าน สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏเลย และกองบรรณาธิการ ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยและไม่มีส่วนรับผิดชอบใดๆ
สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏเลย ขอให้ผู้อ่านอ้างอิงในกรณีที่ท่านคัดลอกเนื้อหาบทความในวารสารฉบับนี้