การส่งเสริมสิทธิชุมชนในการแก้ไขปัญหาคนกับช้างป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
คำสำคัญ:
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น, การส่งเสริมสิทธิชุมชน, ปัญหาคนกับช้างป่าบทคัดย่อ
ปัญหาความขัดแย้งระหว่างคนกับช้างป่ามีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ในทุกบริบทพื้นที่ต่างประสบปัญหาและมีสาเหตุของความขัดแย้งระหว่างคนและช้างป่าในลักษณะเดียวกัน การเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากรมนุษย์ การปลูกพืชผลทางเกษตรของประชากรโดยรอบพื้นที่ป่าที่เป็นถิ่นที่อยู่ของช้างป่า การแผ้วถางตัดไม้ทำให้ทรัพยากรป่าไม้ลดลง รวมทั้งสิ่งแวดล้อม ระบบนิเวศ และโครงสร้างป่าเปลี่ยนแปลงไปล้วนมีผลกระทบต่อถิ่นที่อยู่ของช้างป่า แหล่งน้ำ และแหล่งอาหารของช้างป่า อาหารถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ช้างออกจากป่า ในขณะที่การปลูกพืชผลทางการเกษตรของชาวบ้านมักปลูกพืชที่เป็นอาหารของช้างป่าได้ จึงเกิดการบุกรุกกินพืชผลทางการเกษตรและทำลายทรัพย์สินของชาวบ้านอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ซึ่งในบางครั้งมนุษย์ก็จำต้องปกป้องรักษาประโยชน์ของตนเอง ทำให้ช้างป่าถูกทำร้ายล้มตายหรือได้รับบาดเจ็บเช่นเดียวกัน โดยปัญหาต่างๆ เหล่านี้ต่างมีความสัมพันธ์และเชื่อมโยงกัน
การนำแนวคิดเรื่องสิทธิชุมชนตามรัฐธรรมนูญมาใช้ในการจัดการกับปัญหา จึงเป็นทางเลือกที่ดีและเหมาะสมเนื่องจากเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานตามกฎหมายมหาชนที่มุ่งคุ้มครองสิทธิของบุคคลและมีส่วนร่วมเพื่อการบริหารจัดการ บำรุงรักษาและการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้เกิดความยั่งยืน โดยกำหนดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นกลไกสำคัญในการส่งเสริมสิทธิชุมชนดังกล่าว เนื่องจากเป็นองค์กรที่มีความใกล้ชิดกับประชาชนมากที่สุดและมีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายจะสามารถแก้ไขปัญหาและเยียวยาผลกระทบที่เกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีแนวทางในการดำเนินงาน ประกอบด้วย 1) อาหาร: พัฒนาแหล่งอาหารให้ช้างป่า 2) อาชีพ: เปลี่ยนวิถีเกษตรไม่ปลูกพืชที่ช้างป่ากินเป็นอาหารได้ 3) อาณาเขต: สร้างแนวป้องกันและไม่บุกรุกถิ่นที่อยู่ของช้างป่า 4) อาสาสมัคร: มีอาสาสมัครเฝ้าระวังช้างป่า 5) อาวุธ: ไม่ทำอันตรายต่อช้างป่า 6) อาทร: ช่วยเหลือเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากช้างป่า
เอกสารอ้างอิง
กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช. (2565). แผนการอนุรักษ์และคุ้มครองพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง. กรุงเทพฯ: กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช.
คำแนะนำของประธานศาลปกครองสูงสุดในการดำเนินคดีเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม. (4 กรกฎาคม 2554). ราชกิจจานุเบกษา 128 (54 ก)1-5
จิรชัย อาคะจักร และ วุฒินันท์ พวงสาย. (2558). การศึกษาพฤติกรรมการกินพืชอาหารของช้างฝูงและช้างโทนในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง จังหวัดเลย. กรุงเทพฯ: กลุ่มงานวิจัยสัตว์ป่า สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช.
ณชัชชญา ทองจันทร์, พิชัยศักดิ์ หรยางกูร, เดชา ศิริเจริญ, วิสิฐ ญาณภิรัต, ประพฤติ ฉัตรประภาชัย, ธนสาร จองพานิช และ รัฐสภา จุรีมาศ . (2560). มาตรการทางกฎหมายในการจัดการพื้นที่เพื่ออนุรักษ์ช้างป่า. วารสารนิติศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, 10(1), 115-132.
ณัฐพล วงษ์รัมย์ และ สมคิด สาลี. (2560). การวิเคราะห์หาพื้นที่เสี่ยงอันตรายจากช้างป่าด้วยเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดงใหญ่ จังหวัดบุรีรัมย์. บุรีรัมย์: สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฎบุรีรัมย์.
นัสศิยานันท์ จานนอก และ รัฐชาติ ทัศนัย. (2564, ธันวาคม). การศึกษาการรับมือกับช้างป่าบุกรุกพื้นที่เกษตรกรรม กรณีศึกษา: อำเภอท่าตะเกียบ จังหวัดฉะเชิงเทรา. บทความนำเสนอ ณ การประชุมสวนสุนันทาวิชาการระดับชาติ ครั้งที่ 10: การท่องเที่ยวเพื่อความยั่งยืนภายใต้ชีวิตวิถีใหม่หลังโควิด-19, กรุงเทพฯ.
ประวิทย์ อินทร์น้อย, ยงยุทธ ไตรสุรัตน์ และ รองลาภ สุขมาสรวง. (2564). โครงสร้างประชากรและกิจกรรมออกหากินของช้างป่า (Elephas maximus) ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ จังหวัดกาญจนบุรี. วารสารวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, 40(2), 128-141.
ปิยะนันท์ มูลตรีมา. (2560). การศึกษาข้อเสนอการแก้ปัญหาการอยู่ร่วมกันระหว่างชุมชนและช้างป่าในพื้นที่การพัฒนา 2 กระแส (การค้นคว้าอิสระปริญญามหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, กรุงเทพฯ.
พระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542. (17 พฤศจิกายน 2542). ราชกิจจานุเบกษา 116 (114 ก). 1-21.
พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562. (29 พฤษภาคม 2562). ราชกิจจานุเบกษา 136 (71 ก).
พิชฎารัตน์ พรมเหลา, นริศ ภูมิภาคพันธ์ และ นิตยา เมี้ยนมิตร. (2562). การบรรเทาความขัดแย้งระหว่างประชาชนกับช้างป่ารอบเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ จังหวัดกาญจนบุรี. วารสารวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, 38(1), 1-12.
ภูริพัฒน์ แก้วตาธนวัฒนา และ สันดุสิทธิ์ บริวงษ์ตระกูล. (2563). แนวทางการแก้ปัญหาความขัดแย้งระหว่างคนกับช้างป่ากรณีศึกษา: ตำบลพวา อำเภอแก่งหางแมว จังหวัดจันทบุรี. วารสารมหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี, 12(2), 111-122.
มหาวิทยาลัยมหิดล. (2564). การเพิ่มประชากรและการกระจายของช้างป่าออกนอกพื้นที่อนุรักษ์ในประเทศไทย. สืบค้นจาก https://op.mahidol.ac.th
ระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยค่าใช้จ่ายเพื่อช่วยเหลือประชาชนตามอำนาจหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2560. (29 กันยายน 2560). ราชกิจจานุเบกษา 134 ตอนพิเศษ (242 ง). 1-7.
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540. (11 ตุลาคม 2540). ราชกิจจานุเบกษา 114 (55 ก). 1-99.
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550. (24 สิงหาคม 2550). ราชกิจจานุเบกษา 124 (47 ก). 1-127.
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560. (6 เมษายน 2560). ราชกิจจานุเบกษา 134 (40 ก). 1-90.
ศรัณย์ สุนทรส. (2564). การนำนโยบายการจัดการความขัดแย้งระหว่างคนกับช้างป่าพื้นที่อำเภอเขาชะเมา จังหวัดระยอง ไปปฏิบัติ (การค้นคว้าอิสระปริญญามหาบัณฑิต), มหาวิทยาลัยรามคำแหง, กรุงเทพฯ.
ส.หริช เอฟ ดวงภักดี โอ และ คณะ. (2020). ช้างเอเชียกลัวผึ้งหรือไม่ การศึกษาเชิงทดลองในภาคเหนือของไทย. สืบค้นจาก https://doi.org/10.1007/s42991
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม. (ม.ป.ป.). การพัฒนาระบบการจัดการร่วมเพื่อแก้ไขปัญหาช้างป่า บนฐานงานวิจัยเพื่อท้องถิ่นรอบเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง. สืบค้นจาก https://humanelephantvoices.org/phuluang-elephant/
หยุด แสงอุทัย. (2559). ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับกฎหมายทั่วไป (พิมพ์ครั้งที่ 20). กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
อติราช เกิดทอง, ภูวดล บัวบางพลู และ ฬิฎา สมนา. (2563). การมีส่วนร่วมของชุมชนในการลดปัญหาช้างป่าบุกรุกทำลายพื้นที่เกษตรตำบลทับช้าง อำเภอสอยดาว จังหวัดจันทบุรี. วารสารวิจัย มหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี, 14(1), 33-41.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2023 วารสารวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏเลย

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ข้อความที่ปรากฎในวารสารฉบับนี้เป็นความคิดเห็นของผู้เขียนแต่ละท่าน สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏเลย และกองบรรณาธิการ ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยและไม่มีส่วนรับผิดชอบใดๆ
สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏเลย ขอให้ผู้อ่านอ้างอิงในกรณีที่ท่านคัดลอกเนื้อหาบทความในวารสารฉบับนี้