ปัจจัยที่มีผลต่อการดำเนินงานของวิสาหกิจชุมชนในอำเภอเมืองตาก จังหวัดตาก

บทคัดย่อ

การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์สำคัญเพื่อวิเคราะห์ปัจจัยที่มีผลต่อการดำเนินงานของวิสาหกิจชุมชนในอำเภอเมืองตาก จังหวัดตาก ประชากรที่ใช้ในการศึกษา คือ สมาชิกวิสาหกิจชุมชน จำนวน 265 ราย ที่จดทะเบียนวิสาหกิจชุมชนกับกรมส่งเสริมการเกษตร ในปี พ.ศ. 2566 กำหนดขนาดของกลุ่มตัวอย่าง โดยใช้สูตรคำนวณของทาโร ยามาเน ที่ระดับความคลาดเคลื่อน .05 ได้กลุ่มตัวอย่าง 160 ราย ทำการสุ่มตัวอย่างอย่างง่ายโดยวิธีจับสลาก ใช้แบบสัมภาษณ์เป็นเครื่องมือเก็บรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนาและสถิติเชิงอนุมาณ ได้แก่ การแจกแจงความถี่ ค่าร้อยละ ค่าต่ำสุด ค่าสูงสุด ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การจัดลำดับ และการถดถอยพหุคูณ ด้วยวิธี Stepwise การวิเคราะห์ในครั้งนี้ใช้ตัวแปรอิสระ จำนวน 5 ตัวแปร ได้แก่
1) อายุ  2) จำนวนปีของการศึกษา 3) ระยะเวลาการเป็นสมาชิกวิสาหกิจชุมชน  4) รายได้ของครัวเรือน และ 5) รายได้จากการประกอบกิจการวิสาหกิจชุมชน ผลการศึกษา พบว่า สมาชิกวิสาหกิจชุมชนส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง มีอายุเฉลี่ย 56.16 ปี จบการศึกษาระดับประถมศึกษา ในปี พ.ศ. 2565 สมาชิกวิสาหกิจชุมชน มีรายได้ในครัวเรือนเฉลี่ย 157,200.00 บาท/ปี รายได้จากการเข้าร่วมกิจกรรมวิสาหกิจชุมชนเฉลี่ย 2,526.71 บาท/ปี สำหรับการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณ พบว่า ปัจจัยที่มีผลต่อการดำเนินงานของวิสาหกิจชุมชน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ .05  ได้แก่ อายุ จำนวนปีของการศึกษา และรายได้ของครัวเรือน ดังนั้นวิสาหกิจชุมชนควรมีการวางแผนการพัฒนาทักษะสมาชิกวิสาหกิจชุมชนที่สูงอายุ และถ่ายทอดความรู้ให้แก่ลูกหลานหรือสมาชิกรุ่นใหม่ เพื่อให้มาช่วยพัฒนาและต่อยอดการดำเนินงานของวิสาหกิจชุมชนโดยการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ต่อไป