แนวทางพัฒนาการเสริมสร้างพลังอำนาจการทำงานของครูในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาตาก เขต 2
Main Article Content
Abstract
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาการเสริมสร้างพลังอำนาจการทำงานของครู ในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาตาก เขต 2 และ 2) หาแนวทางพัฒนาการเสริมสร้างพลังอำนาจการทำงานของครูในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาตาก เขต 2 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ได้แก่ ครูในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาตาก เขต 2 ที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในปีการศึกษา 2549 จำนวน 302 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ แบบสอบถามมาตราส่วนประมาณค่า และแบบสัมภาษณ์ การวิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์เนื้อหา
ผลการวิจัย พบว่า
1. การเสริมสร้างพลังอำนาจในการปฏิบัติงานของครูในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาตาก เขต 2
การเสริมสร้างพลังอำนาจในการปฏิบัติงานของครูในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาตาก เขต 2 โดยภาพรวม อยู่ในระดับปานกลาง และเมื่อพิจารณาในรายด้าน พบว่า ทุกด้านอยู่ในระดับปานกลาง โดยด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด ได้แก่ ด้านการได้รับอำนาจ รองลงมาคือ ด้านการได้รับความไว้วางใจ และด้านที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุดคือด้านการได้รับโอกาส
1.1 ด้านการได้รับอำนาจ พบว่า ในภาพรวม อยู่ในระดับปานกลาง เมื่อพิจารณาในรายข้อ พบว่า ข้อที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุดคือ มีการประชุมประจำเดือนเพื่อแจ้งข่าวสารแก่ผู้ปฏิบัติงานอยู่เสมอ มีการเสริมสร้างพลังอำนาจในการปฏิบัติงานของครู
1.2 ด้านการได้รับโอกาส พบว่า ในภาพรวม อยู่ในระดับปานกลางเมื่อพิจารณาในรายข้อ พบว่า ข้อที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ ได้เข้าร่วมประชุมวิชาการ การสัมมนาทั้งนอกสถานที่อย่างน้อยปีละครั้ง และ ได้เข้าร่วมอบรมระยะสั้นหรือระยะยาวเพื่อเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ มีการเสริมสร้างพลังอำนาจในการปฏิบัติงานของครู เสริมสร้างพลังอำนาจในการปฏิบัติงาน
1.3 ด้านการได้รับอิสระ พบว่า โดยภาพรวม อยู่ในระดับปานกลาง ข้อที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุดคือ สามารถปฏิบัติงานโดยผู้บริหารไม่ต้องนิเทศอย่างใกล้ชิด มีการเสริมสร้างพลังอำนาจในการปฏิบัติงานของครู
1.4 ด้านการได้รับความไว้วางใจ พบว่า โดยภาพรวม อยู่ในระดับปานกลางข้อที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด
คือ ผู้บริหารแสดงความมั่นใจว่าท่านสามารถปฏิบัติงานได้สำเร็จลุล่วงอย่างมีประสิทธิภาพ มีการเสริม สร้างพลังอำนาจในการปฏิบัติงานของครู
1.5 ด้านการได้รับความเคารพ พบว่า โดยภาพรวม อยู่ในระดับปานกลาง ข้อที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุดคือ ผู้บริหารปฏิบัติในฐานะที่ท่านเป็นบุคคลหนึ่งในสถานศึกษา มีการเสริมสร้างพลังอำนาจในการปฏิบัติงานของครู
2. ผลการศึกษาแนวทางพัฒนาการเสริมสร้างพลังอำนาจการทำงานของครูในสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาตาก เขต 2 สรุปได้ดังนี้
2.1 ด้านการได้รับอำนาจ คือ วางแผนการจัดสรรงบประมาณเพื่อในการจัดกิจกรรมต่างๆโดยให้ครู คณะกรรมการมีส่วนร่วมทุกขั้นตอน
2.2 ด้านการได้รับโอกาส คือ ใช้การบริหารงานแบบมีส่วนร่วมโดยให้มีการประชุมคณะครูเพื่อร่วมกันแก้ปัญหารับฟังความคิดเห็นของบุคลากร หรือใช้การโหวดเสียงส่วนใหญ่
2.3 ด้านการได้รับ คือ ผู้บริหารคอยแนะนำให้คำปรึกษา ดูแล ติดตาม การดำเนินงานของครูอย่างเป็นกันเอง
2.4 ด้านการได้รับความไว้วางใจ คือ ผู้บริหารแสดงความไว้วางใจแก่บุคลากร ผู้ได้รับมอบหมาย นอกจากนี้แล้วได้มอบอำนาจตามกรอบหน้าที่ในการตัดสินใจเพื่อให้ส่งผลดีต่องาน และ ผู้บริหารแสดงความไว้วางใจแก่บุคลากรผู้ได้รับมอบหมาย นอกจากนี้แล้วได้มอบอำนาจตามกรอบหน้าที่ในการตัดสินใจเพื่อให้ส่งผลดีต่องาน
2.5 ด้านการได้รับความเคารพ คือ ผู้บริหารเปิดโอกาสให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการทำงานสร้างความตระหนักถึงการมีส่วนร่วมในความเป็นเจ้าของโรงเรียนในทุกขั้นตอนตั้งแต่การร่วมกันวางแผน จนกระทั้งการประเมินผลงานเมื่อสิ้นสุดกระบวนการ
คำสำคัญ : การเสริมสร้างพลังอำนาจการทำงานของครู
ABSTRACT
The purposes of this research were to 1) study job empowerment of teachers in schools under Tak Educational Service Area office 2 and 2) find the guidelines to develop job empowerment of teachers in school under Tak Educational Service Area office 2. The samples were 302 teachers in schools under Tak Educational Service Area office 2 during the academic year 2006. The research instruments were a rating scale questionnaire and an interview form. Data were analyzed by mean, standard deviation and content analysis.
The research findings were as follows :
1. Job empowerment of teachers in school under Tak Educational Service Area office 2 were shown as follows.
In general, job empowerment of teachers in school under Tak Educational Service Area office 2 was at a moderate level. When considering each aspect, all receiving opportunity was at a low level.
1.1 In general, power receiving was at a moderate level. When considering each item , it was found that the item with the highest mean were monthly meeting and working empowerment.
1.2 In general, opportunity receiving was at a moderate level, when considering each item , it was found that academic meeting or a seminar and short term or long term participation to training were the highest mean.
1.3 In general, Freedom receiving was at a moderate level. When considering each item , it was found that teachers could do the job without close supervision was the highest mean.
1.4 In general, trust receiving was at a moderate level. When considering each item , it was found that the administrators were confident in working was the highest mean.
1.5 In general, respect receiving was at a moderate level when considering each item , it was found that which the administrators acted as one of the schools’ personnels was the highest mean.
2. The guidelines to develop teacher’s job empowerment of teachers in schools under Tak Educational Service Area office 2 were shown as follows :
2.1 Regarding power receiving, it was recommended that teachers and schools committees participate in providing budget.
2.2 Regarding opportunity receiving, it was suggested that teachers participate in participatory administration especially holding a meeting to solve the problems or vetoing for working.
2.3 Regarding freedom receiving, it was suggested that the administrators provide informal supervision.
2.4 Regarding trust receiving, the administrators trust the personnels and assign a job by personnels duties.
2.5 Regarding respect receiving, it was suggested that the administrators give a chance for personnels to participate in planning and evaluation.
KeyWords : Teacher’s job EmpowermentArticle Details
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสาร สักทอง : วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลับราชภัฏกำแพงเพชร
ข้อคิดเห็นใดๆ ที่ปรากฎในวารสารเป็นวรรณกรรมของผู้เขียนโดยเฉพาะ ซึ่งมหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชรและบรรณาธิการไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย