กฎหมายชารีอะห์กับผู้หญิงอาเจะห์: ชายขอบของชายขอบ
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทความนี้ศึกษาการที่ผู้หญิงอาเจะห์กลายเป็นกลุ่มคนชายขอบจากการบังคับใช้กฎหมายชารีอะห์ในจังหวัดอาเจะห์ ซึ่งในปัจจุบันจังหวัดอาเจะห์เป็นเพียงจังหวัดเดียวในประเทศอินโดนีเซียที่มีการบังคับใช้กฎหมายอิสลาม แต่การบังคับใช้ไม่ได้เป็นการบังคับใช้เต็มรูปแบบ ตั้งแต่ปี 2001 มีกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายชารีอะห์เพียง 4 ฉบับเท่านั้น การประกาศใช้กฎหมายชารีอะห์ในอาเจะห์เป็นนโยบายของรัฐบาลอินโดนีเซียที่จะแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง และเพื่อทำลายความชอบธรรมของขบวนการอาเจะห์เอกราช โดยได้รับการสนับสนุนจากบรรดาผู้นำศาสนาบางกลุ่มและนักวิชาการในอาเจะห์
ผู้หญิงอาเจะห์มีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์อาเจะห์ตั้งแต่ยุครัฐสุลต่าน ตลอดจนในกลุ่มขบวนการเรียกร้องเอกราชแต่ในกระบวนการพิจารณาเรื่องกฎหมายชารีอะห์ ผู้หญิงอาเจะห์ไม่ได้มีบทบาทแต่อย่างใดและผู้หญิงเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากการบังคับใช้กฎหมายชารีอะห์ เป้าหมายส่วนใหญ่ของการบังคับใช้มักจะเป็นผู้หญิง เนื่องจากกฎหมายชารีอะห์เน้นเรื่องการแต่งกายที่ถูกต้องเหมาะสมตามหลักศาสนา ดังนั้นผู้หญิงจึงถูกควบคุมในเรื่องการใส่ผ้าคลุมผมและเสื้อผ้า หากพิจารณาจากประวัติศาสตร์อาเจะห์การประกาศใช้กฎหมายชารีอะห์ส่งผลให้ผู้หญิงอาเจะห์กลายเป็นชายชอบของจังหวัดอาเจะห์ ซึ่งเป็นพื้นที่ชายขอบทางอำนาจ
Article Details
ลิขสิทธิ์บทความเป็นของผู้เขียนและสงวนสิทธิ์ตามกฎหมาย
ข้อคิดเห็นใดๆ ที่ปรากฏในวารสารนี้เป็นของผู้เขียน คณะกรรมการวารสาร ภาควิชาประวัติศาสตร์ฯ กองบรรณาธิการ ตลอดจนกรรมการกลั่นกรองประจำฉบับ ไม่จำเป็นต้องเห็นพ้องกับข้อคิดเห็นเหล่านั้น