HEARTWOOD OF THE BODHI TREE

Main Article Content

nuttapong namsirikul

Abstract


ในช่วงระหว่างปี 2504-2505 ณ โรงพยาบาลศิริราช คณะแพทย์ร่วมด้วยนักศึกษาแพทย์ ได้นิมนต์ท่านพุทธทาสภิกขุ (พระธรรมโกศาจารย์)  แสดงปาฐกถารวมทั้งหมด 3 ครั้ง ได้แก่ ใจความทั้งหมดของพระพุทธศาสนา หัวใจของพุทธศาสนา คือสิ่งทั้งปวงไม่ควรยึดมั่นถือมั่น (17 ธันวาคม พ.ศ. 2504) ความว่าง ธรรมที่เป็นประโยชน์แก่ฆราวาส คือเรื่องสุญญตา (7 มกราคม พ.ศ. 2505) และวิธีปฏิบัติเพื่อเป็นอยู่ด้วยความว่าง (21 มกราคม พ.ศ. 2505)


หลังจากนั้นมีการถอดเทปออกมาทำเป็นหนังสือ โดยคณะผู้จัดทำตั้งชื่อหนังสือว่า แก่นพุทธศาสน์  ตีพิมพ์โดยสำนักพิมพ์สุขภาพใจ ในปี พ.ศ. 2508 และในปีเดียวกันนั้นเอง หนังสือเล่มนี้ก็ได้รับรางวัลชนะเลิศหนังสือดีประจำปี จากองค์การด้านการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO of United Nations)  ในภายหลังที่ได้มีภิกษุชาวอังกฤษแห่งสวนโมกข์ฯเป็นผู้แปล และใช้ชื่อว่า Heartwood of the Bodhi Tree  อันสามารถแปลตรง ๆ ตัวได้ว่า แก่นไม้แห่งต้นโพธิ์


หนังสือแก่นพุทธศาสน์มิใช่เป็นเพียงแค่หนังสือที่พุทธศาสนิกชนทุกท่านควรจะได้อ่านเท่านั้น แต่ยังเป็นหนังสือที่มนุษย์ทุกคน ควรอ่าน  สาเหตุที่ผู้วิจารณ์สามารถกล่าวได้อย่างมั่นใจเช่นนี้ ก็เพราะได้รับการพิสูจน์จากผู้อ่านทั่วโลก ต่างเชื้อชาติ ศาสนา และภาษา ที่แม้จะไม่ใช่พุทธศาสนิกชน ก็ยังชื่นชมยกย่อง อีกทั้งตัวผู้บรรยายธรรม ซึ่งในที่นี้ขออนุญาตเรียกในความเข้าใจว่า  ผู้เขียนท่านพุทธทาสภิกขุ (พระธรรมโกศาจารย์) ก็ได้รับยกย่องเป็นบุคคลสำคัญของโลกจากสหประชาชาติ ในด้านการศึกษาศาสนาวัฒนธรรม และสันติภาพเช่นกัน



Article Details

How to Cite
namsirikul, nuttapong. (2021). HEARTWOOD OF THE BODHI TREE. The Journal of Buddhist Innovation Review, 2(3), 105–112. Retrieved from https://so05.tci-thaijo.org/index.php/JBIR/article/view/255633
Section
Book review

References

เอกสารอ้างอิง

หนังสือ

พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต), (2552). พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์. พิมพ์ครั้งที่ 12.กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์จันทร์เพ็ญ.

พุทธทาสภิกขุ (พระธรรมโกศาจารย์), (2508). แก่นพุทธศาสน์. กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์สุขภาพใจ.

มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, (2539). พระไตรปิฎกภาษาไทยฉบับ มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.