The Effects of Stem Education on Scientific Process Skills and Learning Achievement
Main Article Content
Abstract
The purposes of this research were to: 1) compare grade 10 student’ scientific process skills before and after using STEM education with the 70 percent criterion, and 2) compare the students’ learning achievement before and after using STEM education with the 70 percent criterion. The participants were 41 grade 10 students of a school in Banbueng District, Chonburi. They were selected by cluster random sampling. The research instruments consisted of (1) lesson plans using STEM Education in the topic of Evolution, (2) scientific process skills tests, and (3) learning achievement test on the topic of Evolution. Statistics used for data analysis were mean (𝑥̅), standard deviation (S), The data were analyzed with t-test for dependent sample and t-test for one sample. Research results revealed that
(1) the students’ scientific process skills scores after using STEM education (87.70%) were higher than before using STEM education and higher than the 70 percent criterion with statistical significant at .05 level. The highest score of scientific process skills after using STEM education was modeling construction.
(2) the students’ learning achievement scores after using STEM education (86.10%) were higher than before using STEM education and higher than the 70 percent criterion with statistical significant at .05 level. The highest score of learning achievement after using STEM education was creating.
Article Details

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
References
กัญจน์ญาณิศา นาคสวัสดิ์, ภัทรภร ชัยประเสริฐ และ เชษฐ์ ศิริสวัสดิ์. (2557) การจัดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ตามทฤษฎีการเรียนรู้เพื่อสร้างสรรค์ด้วยปัญญาของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4. วารสารวิจัยรำไพพรรณี. ปีที่ 8 ฉบับที่ 3 เดือนมิถุนายน - กันยายน 2557. หน้า 97-103
คงกระพัน อินทรแจ้ง. (2562). การเตรียมความพร้อมของอุตสาหกรรมพื้นฐานและโครงสร้างพื้นฐานของโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกจากการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่ส่งผลกระทบอย่างรุนแรง. บทความวิจัย. PTT Global Chemical Public Company Limited.
จันทร์จิรา อยู่ยา. (2561). การใช้กิจกรรมสะเต็มศึกษาเพื่อพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นสูงและจิตวิทยาศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนแม่ปะวิทยาคม จังหวัดตาก. วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต, สาขาวิชาศึกษาศาสตร์, มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช.
ปราณี กองจินดา. (2549). การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์และทักษะการคิดเลขในใจของนักเรียนที่ได้รับการสอนตามรูปแบบซิปปาโดยใช้แบบฝึกหัดทีเน้นทักษะการคิดเลขในใจกับนักเรียนทีได้รับการสอนโดย ใช้คู่มือครู. วิทยานิพนธ์ ค.ม. (หลักสูตรและการสอน). พระนครศรีอยุธยา : บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา.
ปิณิดา สุวรรณพรม, เยาวเรศ ใจเย็น และ ปวริศา จรดล. (2563). การเปรียบเทียบความคิดสร้างสรรค์ทางวิทยาศาสตร์และ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง การถ่ายโอนพลังงานความร้อน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่ได้รับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบโครงงานเป็นฐานและแบบโครงงานเป็นฐานตามแนวทาง สะเต็มศึกษา. วารสารวิจัยรำไพพรรณี. ปีที่ 14 ฉบับที่ 3 เดือนกันยายน - ธันวาคม 2563. หน้า 52-62
พระราชบัญญัติเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พุทธศักราช 2561. (2561, 10 พฤษภาคม). ราชกิจจานุเบกษา.
พลศักดิ์ แสงพรมศรี. (2558). การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการ และเจตคติต่อการเรียนวิชาเคมี ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้สะเต็มศึกษากับแบบปกติ. วิทยานิพนธ์. คณะวิทยาศาสตร์. มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
รัตน์ดาวัล วรรณปะเถาว์. (2560). การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โดยการจัดการเรียนการสอนตามแนวทางสะเต็มศึกษา. วิทยานิพนธ์. คณะครุศาสตร์ มหาวิยาลัยราชภัฎสกลนคร.
รัฐพล ประดับเวทย์. (2560). แนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยเทคโนโลยีตามแนวคิดอนุกรมวิธานของบลูม. วารสาร Veridian E-Journal. มหาวิทยาลัยศิลปากร ปีที่ 10 ฉบับที่ 3 (กันยายน – ธันวาคม); 1051-1065.
วรรณทิพา รอดแรงค้า และจิต นวนแก้ว. (2542). การพัฒนาการคิดของนักเรียนด้วยกิจกรรมทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์. (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์ บริษัท เดอะมาสเตอร์กรุ๊ป แมเนจเม้นท์ จำกัด.
ศูนย์สะเต็มศึกษาแห่งชาติ. ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับสะเต็มศึกษาและประโยชน์ของสะเต็มศึกษา. [online]. เข้าถึงได้จาก : http://www.stemedthailand.org/wp-content/uploads/2015/03/newIntro-to-STEM.pdf.pdf. (สืบค้นเมื่อ 10 สิงหาคม2563).
สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ. (2563). สรุปการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐานระดับชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 6 ปีการศึกษา 2563. [online]. เข้าถึงได้จาก : http://www.newonetresult.niets.or.th/AnnouncementWeb/PDF/SummaryONETM6_2563.pdf (สืบค้นเมื่อ 6 มิถุนายน 2567).
สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ. (2564). สรุปการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐานระดับชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 6 ปีการศึกษา 2564. [online]. เข้าถึงได้จาก : http://www.newonetresult.niets.or.th/AnnouncementWeb/PDF/SummaryONETM6_2564.pdf (สืบค้นเมื่อ 6 มิถุนายน 2567).
สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ. (2565). สรุปการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐานระดับชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 6 ปีการศึกษา 2565. [online]. เข้าถึงได้จาก : http://www.newonetresult.niets.or.th/AnnouncementWeb/PDF/SummaryONETM6_2565.pdf (สืบค้นเมื่อ 6 มิถุนายน 2567).
สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ. (2566). สรุปการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐานระดับชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 6 ปีการศึกษา 2566. [online]. เข้าถึงได้จาก : http://www.newonetresult.niets.or.th/AnnouncementWeb/PDF/SummaryONETM6_2566.pdf (สืบค้นเมื่อ 6 มิถุนายน 2567).
สิรินทร กิ่งชา. (2561). การจัดการเรียนรู้รูปแบบสะเต็มศึกษาเพื่อส่งเสริมทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และผลสัมฤทธิ์การเรียนรู้ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ในชั้นเรียนฟิสิกส์. วิทยานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต, สาขาวิทยาศาสตร์ศึกษา, มหาวิทยาลัยราชภัฎมหาสารคาม.
สมเกียรติ พรพิสุทธิมาศ. (2551). การสอนวิทยาศาสตร์โดยเน้นทักษะกระบวนการ. ก้าวทันโลกวิทยาศาสตร์, 8(2), 28-38.
Eastern Economic Corridor (EEC) Office. (2564). การพัฒนาทักษะบุคลากรตามแนวทาง EEC Model. [online]. Available: http://www.eeco.or.th/th/eec-model. 2024.
Lou, S., Tseng, K., Chang, C. and Chen, W. (2011). Attitudes toward Science, Technology, Engineering and Mathematics (STEM) in a Project-based Learning (PjBL) Environment. International Journal of Science and Mathematics Education, 23, 87–102.
National Research Council. (2012). A Framework for K-12 Science Education: Practices, Crosscutting Concept, and Core Ideas. Committee on New Science Education Standards, Board on Science Education, Division of Behavioral and Social Science and Education. Washington, DC: National Academy Press