ปัญหาการกำหนดความรับผิดของผู้ประกอบการ ในกรณีความเสียหายที่เกิดขึ้นจากสินค้าไม่ปลอดภัย
Main Article Content
บทคัดย่อ
ประเทศไทยเป็นอีกประเทศหนึ่งที่ตระหนักถึงปัญหาความไม่ปลอดภัยของสินค้าจึงได้บัญญัติ พระราชบัญญัติความรับผิดต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นจากสินค้าที่ไม่ปลอดภัย พ.ศ. 2551 มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความคุ้มครองผู้บริโภคที่ได้รับความเสียหายจากสินค้าที่ไม่ปลอดภัย ทั้งยังนำหลักค่าเสียหายเชิงลงโทษ (punitive damage) มาบัญญัติไว้ในมาตรา 11 แต่อย่างไรก็ตาม กฎหมายฉบับนี้ได้กำหนดให้ศาลมีอำนาจกำหนดค่าเสียหายเชิงลงโทษต่อผู้ประกอบการไว้เพียงไม่เกิน 2 เท่าจากค่าเสียหายที่แท้จริง จึงส่งผลให้หลักการนี้ไม่สามารถใช้ได้ผลดีนักกับผู้ประกอบการที่มีกิจการขนาดกลาง หรือขนาดใหญ่ที่มีเงินทุนในธุรกิจจำนวนมาก จึงเห็นควรที่จะให้มีการปรังปรุงแก้ไขกฎหมายในส่วนนี้ เพื่อให้หลักค่าเสียหายเชิงโทษสามารถบังคับใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพกับผู้ประกอบการในทุกๆระดับ นอกจากนี้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของประเทศไทยในปัจจุบันมีการขยายตัวเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในเมืองหลวง และหัวเมืองเศรษฐกิจที่สำคัญต่างๆ ของประเทศไทย แต่ทว่าอสังหาริมทรัพย์ไม่ได้อยู่ขอบเขตของคำว่า “สินค้า” ตามที่พระราชบัญญัติความรับผิดต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นจากสินค้าที่ไม่ปลอดภัย พ.ศ. 2551 มาตรา 4 ได้บัญญัติไว้ ด้วยเหตุนี้จึงเห็นควรที่บัญญัติเพิ่มอสังหาริมทรัพย์เข้าไปในความหมายของบทนิยามนี้ด้วย เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับความคุ้มครองจากการซื้อสินค้าที่ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น
Article Details
เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงตีพิมพ์ในวารสาร ถือเป็นข้อคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรง ซึ่งกองบรรณาธิการวารสารไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบใด ๆ
References
ศักดา ธนิตกุล. (2553). กฎหมายความรับผิดต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นจากสินค้าที่ไม่ปลอดภัย.กรุงเทพมหานคร: บริษัทสำนักพิมพ์วิญญูชน.
สุษม ศุภนิตย์. (2544). คำอธิบายกฎหมายความรับผิดในผลิตภัณฑ์. กรุงเทพมหานคร : บริษัทสำนักพิมพ์วิญญูชนจำกัด.