การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความความคิดเห็นของนักศึกษาปฐมวัย ที่มีต่อการจัดการเรียนการสอนโดยใช้รูปแบบสะเต็มศึกษา (STEM)
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักศึกษาสาขาวิชาการศึกษาปฐมวัยทั้งก่อนและหลังการจัดการเรียนการสอนโดยใช้รูปแบบสะเต็มศึกษา (STEM) และศึกษาความคิดเห็นของนักศึกษาที่ได้รับการจัดการเรียนการสอนโดยใช้รูปแบบสะเต็มศึกษา (STEM) กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการ ศึกษาครั้งนี้ เป็นนักศึกษาสาขาวิชาการศึกษาปฐมวัยที่ศึกษารายวิชาคณิตศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์ ชั้นปีที่ 4 ห้อง 1 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2559 จำนวน 28 คน เครื่องมือที่ใช้ในการจัดกิจกรรม คือ 1) แผนการจัดการเรียนการสอนโดยใช้รูปแบบสะเต็มศึกษา (STEM) 2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และ 3) แบบประเมินความความคิดเห็น มีค่าความเชื่อมั่น = 0.75 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการเปรียบเทียบค่าเฉลี่ย t-test Dependent ผลพบว่า
- การจัดการเรียนการสอนโดยใช้รูปแบบสะเต็มศึกษา (STEM) โดยภาพรวมหลังการจัดการเรียนการสอนมีคะแนน โดยภาพรวมสูงขึ้นทุกด้าน สามารถอธิบายได้ ดังนี้
1.1 ผลคะแนนด้านการเขียนแผนบูรณาการสะเต็ม พบว่าหลังเรียนสูงกว่าก่อนการจัดการเรียนการสอนที่ใช้รูปแบบสะเต็มศึกษา (STEM) โดยมีคะแนน ( x̄ = 2.00, S.D. = 0.67) หลังการจัดการเรียนการสอน มีคะแนนสูงขึ้น ( x̄ = 4.43 , S.D. = 0.69) ส่งผลให้นักศึกษามีผลสัมฤทธิ์ด้านการเขียนแผนบูรณาการสะเต็มสูงขึ้นซึ่งสอดคล้องกับสมมุติฐานการวิจัยอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .05
1.2 ผลคะแนนด้านเนื้อหา ก่อนการจัดการเรียนการสอนโดยใช้รูปแบบสะเต็มศึกษา (STEM) พบว่า มีคะแนน ( x̄ = 9.40, S.D = 2.17) หลังการจัดการเรียนการสอน มีคะแนน ( x̄ = 14.68, S.D. = 2.29) ส่งผลให้นักศึกษามีผลสัมฤทธิ์ด้านเนื้อหาสูงขึ้นซึ่งสอดคล้องกับสมมุติฐานการวิจัยอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .05
1.3 นักศึกษาสาขาวิชาการศึกษาปฐมวัยหลังได้รับการจัดการเรียนการสอนโดยใช้รูปแบบสะเต็มศึกษา (STEM) มีความความคิดเห็นโดยภาพรวม มีคะแนน ( x̄ = 4.49, S.D. = 0.32) อยู่ในระดับมาก ซึ่งสอดคล้องกับสมมุติฐานที่ตั้งไว้
Article Details
เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงตีพิมพ์ในวารสาร ถือเป็นข้อคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรง ซึ่งกองบรรณาธิการวารสารไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบใด ๆ
References
พันธุ์ทิพย์ ทิมสุกใส .(2558). การถอดประสบการณ์ “การจัดการเรียนการสอนโดยใช้เทคนิคสะเต็มศึกษา”.เอกสารประกอบการอบรม ในวันที่ 4-5 มิถุนายน พ.ศ. 2558, ณ ห้องประชุมสร้อยสุวรรณา, มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร.
พรรณี ชาญประเสริฐ. (2557). สะเต็มศึกษากับการจัดการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21. แผนยุทธศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์ พ.ศ.2555-2559 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2558).
ภัสสร ติดมา. (2558). การพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ เรื่องระบบร่างกายมนุษย์ ด้วยกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรมตามแนวทางสะเต็มศึกษา ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2. วิทยานิพนธ์ปริญญาการศึกษามหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยนเรศวร.
ประพันธ์ศิริ สุเสารัจ. (2552). การคิดวิเคราะห์ เล่ม 2. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ 9119 เทคนิค พริ้นติ้ง.
อดุลย์ วังศรีคูณ. (2557). การศึกษาไทยในศตวรรษที่ 21 : ผลผลิตและแนวทางการพัฒนา. วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม, 8(1), 1.
อับดุลยามีน หะยีขาเดร์. (2560). ผลของการจัดการเรียนรู้ตามแนวทางสะเต็มศึกษาที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนชีววิทยาความคิดสร้างสรรค์ทางวิทยาศาสตร์ และความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5. วิทยานิพนธ์ปริญญาศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์.