การทำงานเป็นทีมและความพึงพอใจในงานที่ส่งผลต่อพฤติกรรมการเป็นสมาชิกที่ดีขององค์การของบุคลากรโรงงานอุตสาหกรรมการผลิตในจังหวัดปทุมธานี
คำสำคัญ:
การทำงานเป็นทีม, ความพึงพอใจในงาน, พฤติกรรมการเป็นสมาชิกที่ดีขององค์การบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) ระดับความสำคัญของการทำงานเป็นทีม 2) ระดับความพึงพอใจในงาน 3) ระดับความสำคัญของพฤติกรรมการเป็นสมาชิกที่ดีขององค์การ 4) การทำงานเป็นทีมและความพึงพอใจในงานส่งผลต่อพฤติกรรมการเป็นสมาชิกที่ดีขององค์การ ประชากรที่ศึกษาเป็นบุคลากรที่ทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมการผลิตในจังหวัดปทุมธานี จำนวนโรงงานทั้งหมดรวม 3,887 แห่ง คำนวณขนาดตัวอย่างตามสูตรของ W.G.Cochran (1953) ซึ่งเป็นวิธีคำนวณแบบไม่ทราบจำนวนประชากร ได้กลุ่มตัวอย่าง 385 คน สุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง ได้โรงงานมาทั้งหมด 30 แห่ง และได้เก็บข้อมูลจากบุคลากรโรงงานอุตสาหกรรม แห่งละ 13 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยคือ แบบสอบถาม ค่าดัชนีความสอดคล้อง (IOC) มีค่า 0.947 ถึง 1.00 ค่าความเชื่อมั่น .940 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์พหุคูณวิเคราะห์การถดถอย (Multiple Regression Analysis)
ผลการศึกษาพบว่า
1. ระดับความสำคัญของการทำงานเป็นทีมในภาพรวมทุกด้านอยู่ในระดับมาก (= 3.65) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ด้านวัตถุประสงค์และเป้าหมายร่วม มีระดับความสำคัญสูงสุด (
= 3.73) รองลงมาคือด้านความสัมพันธ์ในทีมงาน (
= 3.61) และด้านความไว้วางใจ (
= 3.61) ตามลำดับ
2. ระดับความพึงพอใจในงานในภาพรวมทุกด้านอยู่ในระดับมาก (= 3.57) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ด้านค่าตอบแทนมีระดับความสำคัญสูงสุด (
= 3.70) รองลงมาคือด้านผู้บังคับบัญชา (
= 3.68) ด้านเพื่อนร่วมงาน (
= 3.61) ด้านสภาพการทำงาน (
= 3.50) ด้านตัวงาน (
= 3.47) และด้านโอกาสความก้าวหน้า (
= 3.46) ตามลำดับ
3. ระดับความสำคัญของพฤติกรรมการเป็นสมาชิกที่ดีขององค์การในภาพรวมทุกด้านอยู่ในระดับมาก (= 3.57) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ด้านคำนึงถึงผู้อื่นมีระดับความสำคัญสูงสุด (
=3.63) รองลงมาคือ ด้านน้ำใจนักกีฬา (
=3.59) ด้านสำนึกในหน้าที่ (
= 3.59) ด้านความร่วมมือ (
=3.64) และด้านความช่วยเหลือ (
=3.40) ตามลำดับ
4. การทำงานเป็นทีมและความพึงพอใจในงานส่งผลต่อพฤติกรรมการเป็นสมาชิกที่ดีขององค์การ ในทางบวก มีความสัมพันธ์ระดับสูง (b = 0.865, β = 0.860) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 ได้ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ (R) เท่ากับ 0.860 ค่า (R2) เท่ากับ .740 ได้ร้อยละ 74.0
ความพึงพอใจในงานส่งผลต่อพฤติกรรมการเป็นสมาชิกที่ดีขององค์การในทางบวก มีความสัมพันธ์ระดับสูง (b = 0.804, β = 0.904) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 ได้ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ (R) เท่ากับ 0.904 ค่า (R2) เท่ากับ .873 ได้ร้อยละ 87.3
การทำงานเป็นทีมส่งผลต่อความพึงพอใจในงานในทางบวก มีความสัมพันธ์ระดับสูง (b = 0.840, β = 0.865) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ (R) เท่ากับ 0.865 ค่า (R2) เท่ากับ .749 ได้ร้อยละ 74.9
เอกสารอ้างอิง
ทำเนียบโรงงานอุตสาหกรรม. (2561). www.industry.go.th (ข้อมูล ณ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2561)
Butler, M.J.R., & Rose, E. (2011). Introduction to Organizational Behavior. Chartered Institute of Personnel and Development (CIPD). London.
Casey and Michelle De Haan. (2002). Introduction: new methods in developmental science. Developmental science First published: 16 July 2002
Chughtai, Aamir Ali & Zafar, Sohail. (2006). Antecedents and Consequences of Organizational Commitment. Among Pakistani University Teachers. Applied H.R.M. Research, Volume 11, Number 1, pages 39-64.
Creswell, John W. 2009. Research design: qualitative, quantitative, and mixed methods approaches. Los Angeles: Sage.
Dessler, G. (2004). Management Principles and Practice for Tomorrow’s Leader. 3rd Edition,Pearson Education Inc., Upper Saddle River.
Douglas L. Kruse & Joseph R. Blasi & Richard B. Freeman. (2012). Does Linking Worker Pay to Firm Performance Help the Best Firms Do Even Better. NBER Working Papers 17745, National Bureau of Economic Research, Inc.
Goldberg, Alan J. and Fleming, William P. (2010). Cost-Containment and Cost-Management Strategies. Journal of Healthcare Management 55:5 September/October 2010
Lavelle, J. J., Rupp, D. E., & Brockner, J. (2007). Taking a multifocal approach to the study of justice, social exchange, and citizenship behavior: The target similarity model. Journal of Management, 33(6), 841-866.
Muchinsky Paul M. (2000). Emotions in the workplace: the neglect of organizational behavior. Journal Organizational behavior.
Organ, D. W., Podsakoff, P. M., & MacKenzie S. P. (2006). Organizational citizenship behavior. Its nature, antecedents, and consequences. London: Sage Publications.
Podsakoff, Philip M., Scott B. MacKenzie, and Nathan P. Podsakoff. (2012). Sources of Method Bias in Social Science Research and Recommendations on How to Control It. Annual Review of Psychology, Vol. 63, pp. 539-569.
Podsakoff, P. M., MacKenzie, S. B., Paine, J. B., & Bachrach, D. G. (2000). Organizational citizenship behaviors: A critical review of the theoretical and empirical literature and suggestions for future research. Journal of Management, 26(3), 513-563.
Podsakoff, N. P., Whiting, S. W., Podsakoff, P. M., & Blume, B. D. (2009). Individual- and Organizational - level consequences of organizational citizenship behaviors: A met analysis. Journal of Applied Psychology, 94(1), 122-141.
Sheikh Raheel Manzoor, Hafiz Ullah, Murad Hussain, Zulqarnain Muhammad Ahmad. (2011). Effect of Teamwork on Employee Performance. International Journal of Learning and Development. Accepted: October 20, 2011
Swanson, H. L. (2000). Issues facing the field of learning disabilities. Learning Disabilities Quarterly, 23 (1), 37-50.
The Gallup Organization. (2008). Employee Engagement. Gallup’s Research-Based Approach.Retrieved February 25, 2010, from. http://gmj.gallup.com/content/126173/Bolster- Employ-ees-Confidence.aspx.
Weiten, M.A. Lloyd. (2003). Psychology Applied to Modern Life: Adjustment in the 21st Century. Article with 111 Reads. Source: OAI. Cite this publication.
Woodcock, M. and Francis, D. (1994). Teambuilding Strategy. Hampshire: Gower Publishing
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของ สถาบันวิทยาการจัดการแห่งแปซิฟิค
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับสถาบันวิทยาการจัดการแห่งแปซิฟิค และคณาจารย์ท่านอื่นๆในสถาบันฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว
