การบริหารจัดการขยะชุมชน ของเทศบาลเมืองแสนสุข อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
คำสำคัญ:
การบริหารจัดการขยะชุมชน, รูปแบบและวิธีการดำเนินการจัดการขยะบทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ (1) เพื่อศึกษารูปแบบและวิธีการดำเนินการจัดการขยะในพื้นที่เทศบาลเมืองแสนสุข อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี(2) เพื่อวิเคราะห์จุดเด่น / จุดอ่อนในการบริหารจัดการขยะของพื้นที่เทศบาลเมืองแสนสุข อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรีในแง่ของนโยบาย กฎหมาย การบริหารจัดการ และการมีส่วนร่วมของประชาชน และ (3) เพื่อให้ข้อเสนอแนะในการปรับปรุงการบริหารจัดการขยะของพื้นที่เทศบาลเมืองแสนสุข อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรีและพื้นที่อื่นๆ ที่มีลักษณะใกล้เคียงกัน
วิธีดำเนินการศึกษาเป็นการศึกษาเชิงคุณภาพ (Qualitative Study) โดยการสัมภาษณ์เชิงลึกรายบุคคล (In-Depth Interview) เป็นหลัก พร้อมทั้งใช้การศึกษาเอกสาร (Documentary Study) การสังเกต (Observation) และการศึกษาดูงานการจัดการขยะของชุมชน
ผลการศึกษา พบว่าการบริหารจัดการขยะมูลฝอยของเทศบาลเมืองแสนสุข อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ใช้แผนปฏิบัติการ “จังหวัดสะอาด” (พ.ศ. 2559 – 2560) ภายใต้หลักการ 3 Rs หรือ 3ช คือการใช้น้อย ใช้ซ้ำ และนำกลับมาใช้ใหม่และหลักการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน “ประชารัฐ”เป็นแนวทางในการบริหาร มีการดำเนินงานเป็น 3 ระยะ ได้ดังนี้ (1) การบริหารจัดการขยะมูลฝอยระยะต้นทาง ใช้การรณรงค์สร้างวินัย สร้างจิตสำนึกให้ประชาชน รู้ถึงความรับผิดชอบที่จะช่วยกันในการกำจัดขยะ (2) การบริหารจัดการขยะมูลฝอยระยะกลางทาง ใช้กำกับดูแลและการควบคุมมิให้ก่อให้เกิดอันตรายระหว่างขนถ่าย ควบคุมสิ่งแวดล้อมป้องกันไม่ให้น้ำเน่าเสียไหลลงถนน ป้องกันไม่ให้ขยะมูลฝอยตกหล่นในขณะขนส่งเป็นต้น การเก็บขนสิ่งปฏิกูลและขยะมูลฝอยใช้การจ้างเหมาบริการเอกชนเก็บขนขยะมูลฝอยชุมชน และดำเนินการเองในการเก็บขนขยะชายหาด และ (3) การบริหารจัดการขยะมูลฝอยระยะปลายทาง มีการบริหารจัดการใช้ระบบการฝังกลบตามหลักการสุขาภิบาล (แซนิทารี่ แลนด์ฟิลล์: Sanitary Landfill) ทำปุ๋ยหมัก หมักผลิตแก๊ส เผาในเตาเผาเฉพาะขยะติดเชื้อ และระบบขนถ่ายขยะมูลฝอย
ข้อเสนอแนะ (1) ควรส่งเสริมและสนับสนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีโอกาสในการเลือกวิธีกำจัดขยะที่เหมาะสมกับท้องถิ่นโดยการให้สัมปทาน (Concession Agreements) เป็นรูปแบบ BOT (Build, Operate, Transfer) (2) ควรส่งเสริมให้ท้องถิ่นออกเป็นข้อบัญญัติของเทศบาล หรือมาตรการการจัดการขยะมูลฝอยที่สอดคล้องกับสภาพทางเศรษฐกิจของชุมชนและสังคม รวมถึงให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการติดตามและการบังคับใช้ข้อบัญญัติดังกล่าวอย่างเคร่งครัด ส่งเสริมให้ภาครัฐลงทุนกับภาคเอกชนในการบริหารจัดการขยะมูลฝอยแบบครบวงจรทั้งระบบ รวมทั้งการจัดการขยะอันตราย (Hazardous Waste) รัฐควรอำนวยความสะดวกด้วยการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายและกฎระเบียบ ที่เกี่ยวข้องให้เอกชนดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพตามหลักการบริหารจัดการอย่างมีธรรมาภิบาล ตลอดจนสนับสนุนให้เอกชนลงทุนสำหรับโครงการขนาดใหญ่ และขนาดกลางที่มีขยะมากเพียงพอกับความคุ้มทุน (3) สนับสนุน หรืออุดหนุนด้านงบประมาณแก่ท้องถิ่นที่มีรายได้ไม่เพียงพอในการจัดการขยะมูลฝอย ให้สามารถดำเนินการตามมาตรการจัดการในเบื้องต้นได้ตามความเหมาะสมกับสภาพ และวิถีชีวิตหรือความเป็นอยู่ของประชาชน ในแต่ละท้องถิ่นโดยอาจให้ท้องถิ่น (อปท.) มีมาตรการจัดเก็บขยะสดในรูปแบบภาชนะ (ถุง) ที่ท้องถิ่นนั้นกำหนด เช่น อปท. จำหน่ายถุงในร้านสะดวกซื้อ/โชห่วย และประชาชนต้องใช้ถุงนี้เท่านั้น มิฉะนั้นจะไม่จัดเก็บให้ (4) สร้างโรงไฟฟ้าจากขยะในรูปแบบ Moving Grate Incineration ขนาด 600 ตัน/วัน ใช้งบประมาณ 1,200 ล้านบาท ผลิตกระแสไฟฟ้าได้ขนาด 6-7 เมกะวัตต์ (MWHr) มีความเหมาะสมมากที่สุด เพราะเป็นเทคโนโลยีที่เป็นระบบปิด ไม่มีปัญหากลิ่นรบกวน สามารถเผาได้ทั้งขยะแบบเปียกและแห้ง มีระบบควบคุมและบำบัดมลพิษที่ดี และ (5) รัฐควรให้เอกชนมาลงทุนตั้งโรงไฟฟ้า โดยรัฐต้องสนับสนุนให้เอกชนสามารถมีผลกำไร และมีระยะเวลาคืนทุน เช่น กำหนดค่าไฟฟ้าที่เอกชนขายไฟฟ้าให้ กฟผ. / กฟภ. / กฟน. ได้ในราคาเหมาะสม และสนับสนุนค่า Tipping Fee เพื่อเป็นรายได้ให้เอกชนทดแทนค่ากำจัดขยะด้วยการฝังกลบ ในปัจจุบันเทคโนโลยีการเผาขยะแล้วนำพลังงานมาผลิตไฟฟ้า สามารถนำขยะสดมาเผาได้ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการผลิต RDF ดังนั้นรัฐจึงควรสนับสนุนเทคโนโลยีดังกล่าว โดยให้นำค่าใช้จ่ายส่วนนี้มาจ่ายเป็นค่า Tipping Fee ทดแทนค่าใช้จ่ายในการผลิต RDF
เอกสารอ้างอิง
กรมควบคุมมลพิษ. (2557). หลักการจัดการคุณภาพน้ำและจัดทำแผนปฏิบัติการในพื้นที่ลุ่มน้ำภาคตะวันออกเฉียงเหนือ. เล่มที่ 3/14. กระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม.
กรมควบคุมมลพิษกระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม. (2558). มลพิษจากขยะมูลฝอยในชุมชน.กรุงเทพฯ:[ม.ป.พ.].
เกียรติพงษ์ ศรีสว่าง. (2545). การนำกลับมาใช้ใหม่ของขยะมูลฝอย.นครราชสีมา: มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี.
ธนกฤต บวกขุนทด. (2553). “รูปแบบการจัดการการจัดเก็บขยะชุมชน”.องค์การบริหารส่วนตำบลโนนเมืองพัฒนาอำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา.
สำนักงานสิ่งแวดล้อมกรุงเทพมหานคร. (2010). การจัดการขยะของต่างประเทศ.
สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. (2560).
แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 8-12. วันที่ค้นข้อมูล 5 ตุลาคม 2560, เข้าถึงได้จากhttp://www.nesdb.go.th/main.php?filename=develop_issue
สุนีย์มัลลิกะมาลย์ และคณะ. (2543). ระเบียบข้อบังคับจัดเก็บค่าธรรมเนียมการคัดแยกประเภทขยะมูลฝอยจากครัวเรือนที่ไม่คัดแยกประเภทขยะมูลฝอยก่อนนำไปทิ้ง เพื่อให้ชุมชนปฏิบัติการคัดแยกประเภทขยะมูลฝอย หากไม่ต้องการจ่ายค่าธรรมเนียม.
อาคม เติมพิทยาไพสิฐ และธานินทร์ ผะเอม. (2552). แผนพัฒนาเศรษฐกิจสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 1-11. การบรรยายหลักสูตรนักบริหารระดับสูงกระทรวงอุตสาหกรรมรุ่นที่ 10.
Waste law. (1975). ออกกฎหมายขยะมูลฝอยเป็นกฎหมายหลักในการจัดการบรรจุภัณฑ์ เกี่ยวกับการกำจัดและการใช้ซ้ำบรรจุภัณฑ์ ในปี ค.ศ. 1992.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของ สถาบันวิทยาการจัดการแห่งแปซิฟิค
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับสถาบันวิทยาการจัดการแห่งแปซิฟิค และคณาจารย์ท่านอื่นๆในสถาบันฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว
