ความพึงพอใจของประชาชนต่อการให้บริการสาธารณะของ องค์การบริหารส่วนจังหวัดมหาสารคาม
คำสำคัญ:
ความพึงพอใจ, การบริการ, สาธารณะบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาระดับความพึงพอใจของประชาชนต่อการให้บริการสาธารณะขององค์การบริหารส่วนจังหวัดมหาสารคาม 2) เพื่อเปรียบเทียบความพึงพอใจของประชาชนต่อ การให้บริการสาธารณะขององค์การบริหารส่วนจังหวัดมหาสารคาม จำแนกตาม เพศ อายุ ระดับการศึกษา และอาชีพ 3) เพื่อศึกษาข้อเสนอแนะในการดำเนินงานด้านการบริหารจัดการขององค์การบริหารส่วนจังหวัดมหาสารคาม ผู้วิจัยใช้การวิจัยเชิงปริมาณ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยงานด้านสาธารณะสุขและงานด้านพัฒนาชุมชนและสวัสดิการสังคม ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ประชาชนในจังหวัดมหาสารคาม จำนวน 963,098 คน (ที่มา : ระบบสถิติทางการทะเบียน กระทรวงมหาดไทย ข้อมูล ณ มีนาคม 2559) ซึ่งผู้วิจัยได้กำหนดกลุ่มตัวอย่างโดยใช้สูตรการคำนวณของ ทาโร่ ยามาเน่ (Yamane. 1973:727) ได้กลุ่มตัวอย่างงานด้านสาธารณะสุข จำนวน 400 คน และได้กลุ่มตัวอย่างงานด้านพัฒนาชุมชนและสวัสดิการสังคม จำนวน 400 คน และงานด้านการศึกษา ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักเรียนและครูในสถานศึกษาสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดมหาสารคามจำนวน 20 โรงเรียน ประกอบด้วย นักเรียนจำนวน 7,842 คน ครูจำนวน 545 รวมประชากร 8,387 คน ซึ่งผู้วิจัยได้กำหนดกลุ่มตัวอย่างโดยใช้สูตรการคำนวณของ ทาโร่ยามาเน่ (Yamane, 1973:727) ได้กลุ่มตัวอย่าง 382 คน และสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ การแจกแจงความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการเปรียบเทียบด้วยสถิติ t-test และ f-test ซึ่งผู้วิจัยได้กำหนดนัยสำคัญทางสถิติในการเปรียบเทียบที่ระดับ .05 หากพบว่ามีความแตกต่างกันจะวิเคราะห์ความแตกต่างรายคู่ตามวิธี Least Significant Difference (LSD)
ผลการศึกษาระดับความพึงพอใจของประชาชนต่อการให้บริการสาธารณะขององค์การบริหารส่วนจังหวัดมหาสารคาม โดยรวมอยู่ในระดับมาก (= 4.51, S.D.=0.25) คิดเป็นร้อยละ 90.21 และจำแนกเป็นรายด้าน พบว่าความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด 1 งาน คืองานด้านการศึกษา (
= 4.57, S.D. =0.25) คิดเป็นร้อยละ 91.38 ความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก 2 งานโดยเรียงลำดับค่าเฉลี่ยจากมาก ไปน้อยคือ งานด้านพัฒนาชุมชนและสวัสดิการสังคม (
= 4.50, S.D. =0.24) คิดเป็นร้อยละ 90.00 รองลงมาคือ และงานด้านสาธารณะสุข (
= 4.46, S.D. = 0.25) คิดเป็นร้อยละ 89.23
ผลการวิเคราะห์เปรียบเทียบความพึงพอใจของประชาชนต่อการให้บริการสาธารณะขององค์การบริหาร ส่วนจังหวัดมหาสารคาม ประจำปีงบประมาณ 2559 ที่มีเพศ อายุ ระดับการศึกษาและอาชีพ ต่างกัน พบว่า
2.1 การเปรียบเทียบความพึงพอใจของประชาชนต่อการให้บริการสาธารณะขององค์การบริหารส่วนจังหวัดมหาสารคาม โดยรวมพบว่า ประชาชน ที่มีเพศแตกต่างกัน มีความพึงพอใจไม่แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
2.2 การเปรียบเทียบความพึงพอใจของประชาชนต่อการให้บริการสาธารณะขององค์การบริหารส่วนจังหวัดมหาสารคาม โดยรวมพบว่า ประชาชน ที่มีอายุแตกต่างกัน มีความพึงพอใจไม่แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
2.3 การเปรียบเทียบความพึงพอใจของประชาชนต่อการให้บริการสาธารณะขององค์การบริหารส่วนจังหวัดมหาสารคาม โดยรวมพบว่า ประชาชน ที่มีระดับการศึกษาแตกต่างกัน มีความพึงพอใจแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 เมื่อเปรียบเทียบรายคู่แยกตามระดับการศึกษาแตกต่างกันแล้วพบว่ามัธยมศึกษาหรือเทียบเท่าแตกต่างกับปริญญาตรีขึ้นไป และอนุปริญญาหรือเทียบเท่าขึ้นไป แตกต่างกับปริญญาตรีขึ้นไป โดยกลุ่มมัธยมศึกษาหรือเทียบเท่ามีความพึงพอใจสูงสุด
2.4 เปรียบเทียบความพึงพอใจของประชาชนต่อการให้บริการสาธารณะขององค์การบริหารส่วนจังหวัดมหาสารคาม โดยรวมพบว่า ประชาชน ที่มีอาชีพแตกต่างกัน มีความพึงพอใจไม่แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
3. ประชาชนมีข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการให้บริการสาธารณะขององค์การบริหารส่วนจังหวัดมหาสารคาม โดยเรียงลำดับค่าความถี่จากมากไปน้อย คือ ควรจัดเจ้าหน้าที่ไว้บริการในเวลาพักเที่ยงต่อผู้มารับบริการที่สำนักงานเพื่อประโยชน์ของผู้มาติดต่อเจ้าหน้าที่ควรมาปฏิบัติงานให้ตรงตามเวลา รองลงมาคือควรมีการจัดบัตรคิวเรียงตามลำดับการให้บริการก่อนหลังเพื่อความยุติธรรม ควรลดขั้นตอนในการให้บริการที่ยุ่งยาก ซ้ำซ้อนเพื่อให้การบริการที่รวดเร็วยิ่งขึ้น เจ้าหน้าที่ควรมีการซักซ้อมความเข้าใจในการให้บริการกับประชาชนให้ถูกต้อง เจ้าหน้าที่ควรรวบรวมปัญหาในระหว่างการปฏิบัติงานเพื่อเป็นแนวทางในการแก้ปัญหาต่อไป ควรจัดบริเวณภายในสำนักงานให้มีความสะอาดและสวยงามอยู่เสมอและควรจะมีโทรทัศน์ให้ประชาชนดูในขณะที่รอรับบริการ
เอกสารอ้างอิง
ชนะดา วีระพันธ์. (2555). ความพึงพอใจของประชาชนต่อการให้บริการขององค์การบริหารส่วนตำบล บ้านเก่าอำเภอพานทอง จังหวัดชลบุรี. ปัญหาพิเศษปริญญารัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการภาครัฐและภาคเอกชน. วิทยาลัยการบริหารรัฐกิจ มหาวิทยาลัยบูรพา.
ชัยวัฒน์ ดุงศรีแก้ว. (2543). ความพึงพอใจของครูผู้สอนต่อการปฏิบัติงานของผู้บริหาร โรงเรียนประถมศึกษา สังกัดสำนักงานประถมศึกษาอำเภอบ้านดุง จังหวัดอุดรธานี. รายงานการค้นคว้าอิสระ กศ.ม. มหาสารคาม: มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
นันทวัฒน์ บรมานันท์. (2554). มาตรฐานใหม่ของการจัดทำบริการสาธารณะระดับชาติในประเทศไทย.กรุงเทพฯ: วิญญูชน.
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนาเขตพื้นที่เชียงราย. (2553). ความพึงพอใจของประชาชนต่อการให้บริการของเทศบาลตำบลเวียงพางคำ อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย. เชียงราย.
มหาวิทยาลัยรามคำแหง. (2555). ความพึงพอใจของนักศึกษาที่มีต่อการให้บริการด้านการจัดการศึกษา มหาวิทยาลัยรามคำแหง สาขาวิทยบริการเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดตรัง. งานวิจัยมหาวิทยาลัยรามคำแหง สาขาวิทยบริการเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดตรัง.
มาลัย โห้ประเสริฐ. (2557). ความพึงพอใจของประชาชนต่อการจัดการขยะมูลฝอยของเทศบาลทับมา อำเภอเมือง จังหวัดระยอง. การศึกษาค้นคว้าอิสระวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาการจัดการสิ่งแวดล้อม คณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์.
ยุทธพร จีระออน. (2552). ความพึงพอใจของผู้ใช้บริการเสียภาษีต่อการจัดเก็บของเทศบาลตำบลแกดำ อำเภอแกดำ จังหวัดมหาสารคาม. วิทยานิพนธ์รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม.
ลิขิต ธีรเวคิน. (2540). ขอบข่ายและวิธีการศึกษารัฐศาสตร์. กรุงเทพฯ: สามศาสตร์.
วิทยาลัยชุมชนแม่ฮ่องสอน. (2553). รายงานวิจัยโครงการสำรวจและประเมินความพึงพอใจของประชาชนต่อบริการขององค์การบริหารส่วนตำบลปางมะผ้า ประจำปี 2553. แม่ฮ่องสอน.
สุกัญญา มีแก้ว. (2554). ความพึงพอใจของประชาชนในการใช้บริการขององค์การบริหารส่วนตำบลเขตอำเภอท่าชนะ จังหวัดสุราษฎร์ธานี. ภาคนิพนธ์สูตรบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยราชภัฏ สุราษฎร์ธานี.
องค์การบริหารส่วนจังหวัดมหาสารคาม. (2559). แผนยุทธศาสตร์การพัฒนาองค์การบริหารส่วน จังหวัดมหาสารคาม (พ.ศ. 2560 – พ.ศ. 2563). มหาสารคาม:กองแผนและงบประมาณ, องค์การบริหารส่วนจังหวัดมหาสารคาม.
Yamane, Taro. (1973). Statistics an Introductory Analysis. (Third Edition). New York:Harper & Row Publishers Inc.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของ สถาบันวิทยาการจัดการแห่งแปซิฟิค
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับสถาบันวิทยาการจัดการแห่งแปซิฟิค และคณาจารย์ท่านอื่นๆในสถาบันฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว
