อิทธิพลของช่องทางออนไลน์ ต่อการจูงใจให้ผู้บริโภคตัดสินใจทำศัลยกรรมความงาม
คำสำคัญ:
ช่องทางออนไลน์, การจูงใจ, การตัดสินใจ, ศัลยกรรมความงามบทคัดย่อ
การวิจัยเรื่อง อิทธิพลของช่องทางออนไลน์ ต่อการจูงใจให้ผู้บริโภคตัดสินใจทำศัลยกรรมความงาม มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาช่องทางการสื่อสารออนไลน์ การถ่ายทอดประสบการณ์ และการส่งเสริมการตลาด ที่มีอิทธิพลต่อความตระหนักรู้ ความสนใจ ความต้องการ และการตัดสินใจทำศัลยกรรมความงาม เก็บรวบรวม ข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างทั้งที่เคยทำและไม่เคยทำศัลยกรรมความงามในจังหวัดที่มีจำนวนศัลยแพทย์ ตกแต่งที่เป็นสมาชิกของสมาคมศัลยแพทย์ตกแต่ง แห่งประเทศไทยมากที่สุด 5 จังหวัด คือ กรุงเทพมหานคร ชลบุรี นนทบุรี ภูเก็ต และเชียงใหม่ รวมจำนวน 525 คน และเก็บข้อมูลด้วยการสัมภาษณ์เชิงลึกจากศัลยแพทย์ ตกแต่งความงาม 5 ท่าน โดยใช้แบบสอบถาม และ แบบสัมภาษณ์ตามลำดับ ทำการวิเคราะห์ข้อมูล โดยใช้สถิติร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การวิเคราะห์เส้นทาง (Path Analysis) การวิเคราะห์ จำแนกกลุ่ม (Discriminant Analysis) และการ วิเคราะห์เนื้อเรื่อง (Content Analysis) ผลการวิจัย พบว่า ช่องทางการสื่อสารออนไลน์ด้วยเฟซบุ๊กช่วยให้ ได้ข้อมูลเกี่ยวกับการทำศัลยกรรมความงามมากที่สุด รองลงไปได้แก่ ทวิตเตอร์ ยูทูป อินสตาแกรม ไลน์ และ เว็ปไซค์ ส่วนการถ่ายทอดประสบการณ์ด้วยการแชร์ ข้อมูลเป็นช่องทางที่ทำให้ได้รับข้อมูลการทำศัลยกรรม ความงามโดยไม่ต้องแสวงหา และพบอีกกว่าการโฆษณา โดยผ่านพนักงานขายทำให้กลุ่มตัวอย่างมีความต้องการ ทำศัลยกรรมมากที่สุด และเมื่อวิเคราะห์ถึงความมีอิทธิพล โดยรวมสามลำดับแรกของตัวแปรเชิงสาเหตุที่มีต่อ การตัดสินใจทำศัลยกรรมความงาม คือการถ่ายทอด ประสบการณ์ ความสนใจ และความต้องการโดยมีค่า น้ำหนักอิทธิพลเท่ากับ 0.51 0.45 และ 0.31 ตามลำดับ ส่วนผลการวิเคราะห์จำแนกคุณลักษณะของกลุ่มที่เคย ตัดสินใจทำศัลยกรรมความงามหกลำดับความสำคัญ คือ ความต้องการทำศัลยกรรมความงาม ความสนใจ การตัดสินใจ การจูงใจด้วยพนักงาน สื่อไลน์ และสื่อ อินสตาแกรม ส่วนคุณลักษณะของกลุ่มที่ไม่เคยทำ ศัลยกรรมความงามสามลำดับความสำคัญ คือ การ โฆษณา การเขียนบล๊อกหรือรีวิว และการลดแลก แจกแถมหรือผ่อนชำระค่าใช้จ่ายโดยมีค่าเซนทรอย ของกลุ่มที่เคยและไม่เคยทำศัลยกรรมความงามเท่ากับ 0.551 และ -0.637 ตามลำดับ
เอกสารอ้างอิง
กิติมา สุรสนธิ. (2533). ความรู้ทางการสื่อสาร.กรุงเทพฯ: คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน. มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
ขวัญพร พันธุ์อุโมงค์. (2555). ปัจจัยทางการสื่อสารที่มีผลต่อการตัดสินใจของนักศึกษาหญิง ในการทำศัลยกรรมเสริมความงาม. วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
ชลธิศ สินรัชตานันท์. (2557, มกราคม 7). ศัลยแพทย์ชี้ศัลยกรรมไม่ใช่แฟชั่น. คมชัดลึก.
เชาวเลิศ มากสมบูรณ์. (2539). กระบวนการทำศัลยกรรมเสริมความงาม.วิทยานิพนธ์สังคมวิทยาและมานุษยวิทยามหาบัณฑิต คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา, มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
ญาณัญฎา ศิรภัทร์ธาดา. (2549). ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการซื้อสินค้าผ่านสื่อพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ของผู้บริโภคในเขตกรุงเทพมหานคร.สารนิพนธ์ คณะวิทยาลัยการจัดการ. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา.
ณัฐปรียา ทัพมาลี. (2551). ปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต.วิทยานิพนธ์ปริญญาบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต. นนทบุรี. มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช.
ดารา ทีปะปาล. (2546). พฤติกรรมผู้บริโภค. กรุงเทพฯ: รุ่งเรืองสาส์นการพิมพ์.
นิตนา ฐานิตธนกร. (2554). อิทธิพลของการบอกต่อบนโลกอินเตอร์เน็ต. Executive Journal, 1,17-22.
ปิยะ วราบุญทวีสุข. (2553). สังคมออนไลน์กับการทำธุรกิจ: แนวทางการทำการตลาด Social Network and Business: Approach to Marketing. ใน Executive Journal. หน้า 181-185. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยกรุงเทพ.
วิชชุกร ปาลเดชพงศ์. (2553). การรับรู้ข้อมูลผ่านสื่อโทรทัศน์ที่มีผลต่อการยอมรับการทำศัลยกรรมใบหน้าของผู้หญิงในเขตกรุงเทพมหานคร. วิทยานิพนธ์บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยกรุงเทพ.
ศิริวรรณ เสารีรัตน์. (2538). พฤติกรรมผู้บริโภค (ฉบับสมบูรณ์). กรุงเทพฯ: พัฒนาศึกษา.
สมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งแห่งประเทศไทย. (2558).รายชื่อศัลยแพทย์ตกแต่งแสดงตามจังหวัด. สืบค้นเมื่อสิงหาคม 20, 2558, จาก http://www.plasticsurgery.or.th/lst_province.php
สำนักวิจัยและพัฒนา ธนาคารกสิกรไทย. โอกาสทางธุรกิจของธุรกิจเสริมความงาม.สืบค้นเมื่อ มิถุนายน 18, 2559, จาก http://www.kasikornbank.com/TH/SME/KSME Knowledge/ KSMEAnalysis/Documents/Beauty/Oppotunity.pdf
สุเทพ สุนทรเภสัช. (2540). ทฤษฎีสังคมวิทยาร่วมสมัย พื้นฐานแนวความคิดทฤษฎี ทางสังคมวิทยา และวัฒธรรม. เชียงใหม่: โกลบอลวิชั่น.
Agarwal, P. (2004). Perception of plastic surgery in the society. Indian Journal Plastic Surgery.
Assael, H. (1998). Consumer behavior and marketing action (6th ed.). Cinninnati, OH: South WesternCollege Publishing.
Beal, A., & Strauss, J. (2008). Radically transparent: Monitoring and managing reputations online. Indianapolis: Wiley.
Berlo, D. K. (1960). The Process of Communication. Holt, New York: Rinehart & Winston.
Blackwell, R. D., Miniard, P. W., & Engel, J. F. (2001). Consumer Behaviour.(9th ed.). Manson,OH: South-Western.
Blythe, J. (2008). Consumer Behaviour. Newbury Park, CA: Sage.
Chan, G., Cheung, C., Kwong, T., Limayem, M., & Zhu, L. (2003). Online consumer behavior: A review and agenda for future research. BLED 2003 Proceedings, 43.
Denecke, K, & Nejdl, W. (2009). How valuable is medical social media data Content Analysis of the medical web. Information Sciences, 179, 1870-1880.
Farshidfar, Z., Dastjerdi, R., & Shahabizadeh, F. (2013). Acceptance of cosmetic surgery: Body image,Self Esteem and Conformity. Journal Social and Behavioral Sciences, 84(2), 238-242.
Glick, P. L., & Yamout, S. Z. (2012). Social media for surgeons: Understand it, embrace it, and leverage it for our profession and our patient. Surgery, 152(5), 941-942
Grajales, F. J. Sheps, S., Ho, K, Novak-Lauscher, H.,& Eysenbach, G. (2014). Social Media: A Review and Tutorial of Applications in Medicine and Health Care.Journal Medical InternetResearch, 16(2).
Haas, C. F., Champion, A, & Secor, D. (2008). Motivating factors for seeking cosmetic surgery: a synthesis of the literature. Plastic Surgery Nurse, 28(4), 177-82.
Heinrichs, J. H., Lim, J. S., & Lim, K. S. (2011). Influence of social networking site and user accessmethod on social media evaluation. Journal of Consumer Behaviour, 10, 347-355.
Klapper, J. T. (1960). The Effects of mass communication: An analysis of research on the effectiveness and limitations of mass media in influencing the opinions, values, and behavior of their audiences. New York: The Free Press.
Krikelas, J. (1983). Information seeking behaviour: Patterns and concepts. Drexel Library Quarterly, 19(2), 5.
Marsha, L. R., & Teri, R. S. (1988). The Role of Evolvement and Opinion Leadership in ConsumerWord-Of-Mouth: an Implicit Model Made Explicit. In NA-Advances in Consumer Research Volume 15, eds. Micheal J. Houston, Provo, UT: Association for Consumer Research, 32-36.
Opelka, F. G. (2011). Social networking in health care: Surgeons and their patients. Surgery,150(1), 2-10.
OTX. (2008). Impact of social media on purchasing behavior.Retrieved April 10, 2015, from http://174.133.170.120/files/DEIStudyEngaging%20Consumers Online-Summary.pdf
Rosen, E. (2000). The Anatomy of Buzz. New York: Doubleday.
Wong. W. W., & Gupta, S. C. (2011). Plastic surgery marketing in a generation of tweeting. Aesthetic Surgery Journal, 31(8), 6-972.
Wheeler, C. K., Said, H., Prucz, R., Rodrich, R. J., & Mathes, D. W. (2011). Social media in plastic surgery practices: emerging trends in North America. Aesthetic Surgery Journal, 31(4), 41-435.
Yamout, S. Z., Glick, Z. A., Lind, D. S., Monson, R. A. Z., & Glick, P. L. (2011). Using Social Media to enhance surgeon and patient education and communication. Bulletin of the AmericanCollege of Surgeorfs, 96(7). 7-15.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของ สถาบันวิทยาการจัดการแห่งแปซิฟิค
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับสถาบันวิทยาการจัดการแห่งแปซิฟิค และคณาจารย์ท่านอื่นๆในสถาบันฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว
