ปัญหาการบังคับใช้กฎหมายสิ่งแวดล้อม เกี่ยวกับการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ในประเทศไทย

ผู้แต่ง

  • เฉลียว นครจันทร์ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเวสเทิร์น
  • ศิริพงศ์ โสภา บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเวสเทิร์น

คำสำคัญ:

กฎหมายสิ่งแวดล้อม, การจัดการ, ขยะอิเล็กทรอนิกส์

บทคัดย่อ

งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาถึงการ บังคับใช้กฎหมายสิ่งแวดล้อม เกี่ยวกับการจัดการ ขยะอิเล็กทรอนิกส์ในประเทศไทยโดยศึกษาถึง แนวความคิด ทฤษฎี หลักการจัดการมลพิษสิ่งแวดล้อม เกิดจากการจัดการของเสียอันตรายประเภทขยะ อิเล็กทรอนิกส์ (E-Waste) หรือซากผลิตภัณฑ์อุปกรณ์ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ (Waste Electrical Equipment and Electronic Equipment - WEEE) เพื่อศึกษาถึง คำนิยาม ของคำว่า ของเสีย ของเสียอันตราย และขยะอิเล็กทรอนิกส์ กฎหมาย สิ่งแวดล้อมของไทย ตามหลักสากลของอนุสัญญา บาเซล และคำนิยามของคำว่า ของเสีย ของเสียอันตราย และขยะอิเล็กทรอนิกส์ ตามกฎหมายสิ่งแวดล้อม ของไทย เพื่อศึกษาถึง มาตรการในการบังคับใช้กฎหมาย เกี่ยวกับจัดการมลพิษสิ่งแวดล้อมเกิดจากการจัดการ ของเสียอันตรายประเภทขยะอิเล็กทรอนิกส์ (E-Waste) หรือซากผลิตภัณฑ์อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ อิเล็กทรอนิกส์ อันได้แก่ มาตรการในการบังคับใช้ กฎหมายด้านการดำเนินการทางบริหารปกครอง (Administrative Sanction) เกี่ยวกับการจัดการ ซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ในประเทศไทย และมาตรการในการบังคับใช้กฎหมาย ด้านการดำเนินการทางอาญา (Criminal Sanction) เกี่ยวกับการจัดการซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและ อิเล็กทรอนิกส์ในประเทศไทย และเพื่อศึกษามาตรการ ในการบังคับใช้กฎหมายด้านการดำเนินการทางแพ่ง (Civil Sanction) เกี่ยวกับการจัดการซากผลิตภัณฑ์ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในประเทศไทย ปัญหาอุปสรรคและข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ไข และเพื่อศึกษาถึงกรณีประเทศไทยยังไม่มีกฎหมาย สิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะ(Specific Legislation) เกี่ยวกับ การจัดการขยะอิเลคทรอนิกส์ แต่ยังคงอยู่ภายใต้บังคับ ของกฎหมายเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมหลายฉบับ ซึ่งมี วัตถุประสงค์ในการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมแตกต่างกัน ออกไป และยังไม่มีการนำกฎหมายเกี่ยวกับการขยาย ความรับผิดชอบของผู้ผลิตมาบังคับใช้เป็นกฎหมาย ในประเทศ เพื่อศึกษาถึงมาตรการทางกฎหมายในการ สร้างสิ่งจูงใจทางเศรษฐศาสตร์ (Legal Measure of Economic Incentive) ให้แก่ผู้ผลิตสินค้า ผู้เก็บ รวบรวม ผู้บำบัด ผู้ขนส่ง ผู้กำจัดขยะอิเล็กทรอนิกส์ หรือซากผลิตภัณฑ์อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ อิเล็กทรอนิกส์ โดยมาตรการทางกฎหมายที่มีอยู่ใน ประเทศไทยในปัจจุบันมักจะเป็นมาตรการทางกฎหมาย ในเชิงสั่งการและควบคุม (Command and Control) จึงทำให้ไม่จูงใจแก่ผู้ ผู้ผลิตสินค้า ผู้เก็บรวบรวม ผู้บำบัด ผู้ขนส่ง ผู้กำจัดขยะอิเล็กทรอนิกส์หรือซากผลิตภัณฑ์ อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และ เพื่อศึกษาถึงมาตรการทางกฎหมายในการส่งเสริม การมีส่วนร่วมของประชาชน ภาคธุรกิจเอกชน องค์การ เอกชน (NGO) องค์การปกครองส่วนท้องถิ่นในการ บังคับใช้กฎหมายสิ่งแวดล้อมในการส่งเสริมถึงสิทธิ์ ของประชาชนในการร่วมรับรู้ (Right to Know) ถึงลักษณะ ของกากของเสียอันตรายขยะอิเล็กทรอนิกส์ (E-Waste) หรือซากผลิตภัณฑ์อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ อิเล็กทรอนิกส์ ที่มีผลกระทบต่อชีวิต สุขภาพอนามัย ของมนุษย์ พืช สัตว์ในระบบนิเวศน์ที่มีความจำเป็น ในการเก็บรวบรวม และคัดแยก บำบัด ขนส่ง กำจัด ให้ตกต่างไปจากการจัดการขยะของเสียโดยทั่วไป ตามหลักการจัดการสิ่งแวดล้อมที่ดี (Environmentally Sound Management - ESM) และเพื่อศึกษาถึงสิทธิ ของประชาชนในการรับรู้ (Right to Know) เพื่อศึกษา ถึงถึงสิทธิของประชาชนในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร (Right to Access to Information 1) เกี่ยวกับแหล่ง มลพิษ สถานที่กำจัด เททิ้งของกากของเสียอันตราย ขยะอิเล็กทรอนิกส์ (E-Waste) หรือซากผลิตภัณฑ์ อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และเพื่อศึกษาถึงสิทธิของประชาชนในการเข้าถึงระบบ ยุติธรรม (Right to Access Justice) ในการใช้สิทธ์ ในการดำเนินคดีแพ่งเพื่อรับการเยียวยาชดเชยความ เสียหายของประชาชนซึ่งได้รับผลกระทบจาก มลพิษ สิ่งแวดล้อมอันเกิดการจัดการเก็บ รวบรวม กำจัด เททิ้งของกากของเสียอันตรายขยะอิเล็กทรอนิกส์ (E-Waste) หรือซากผลิตภัณฑ์อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ โดยความช่วยเหลือของ องค์กรเอกชน (NGO) ด้านการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม

งานวิจัยนี้มีวิธีการดำเนินการวิจัยในเชิง คุณภาพ (Qualitative Research) โดยการวิจัยเอกสาร จากกฎหมายระเบียบ ตำรา วิทยานิพนธ์ งานวิจัย วารสาร ภายในประเทศและต่างประเทศ

จากการศึกษาพบว่าการบังคับใช้กฎหมาย ด้านการดำเนินมาตรการทางบริหารปกครองด้าน บทบัญญัติเกี่ยวกับหน้าที่ ความรับผิดทางบริหาร ปกครองของผู้ผลิต ผู้เก็บรวบ จำหน่าย ขนส่ง บำบัด กำจัดภายใต้พระราชบัญญัติวัตถุอันตราย ตกอยู่ภายใต้ อำนาจหน้าทีการควบคุมสั่งการลงโทษของพนักงาน เจ้าหน้าที่หลายหน่วยงาน ภายใต้บทบัญญัติของกฎหมาย สิ่งแวดล้อมหลายฉบับแม้ว่ากรมโรงงานอุตสาหกรรม เป็นหน่วยงาน(Competent Authority) ในการ ควบคุมสั่งการ อนุญาต และลงโทษผู้ผลิต ผู้เก็บรวบ จำหน่าย ขนส่ง บำบัด กำจัด กากของเสียอันตราย ขยะอิเล็กทรอนิกส์ (E-Waste) หรือซากผลิตภัณฑ์ อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ส่วนกรมควบคุมมลพิษ มีอำนาจหน้าที่ในการเป็น ผู้ประสานงาน (Coordination) เกี่ยวกับมลพิษอันเกิด จากการจัดการของเสียอันตราย ดังนั้น การที่หน่วยงาน มีความซ้ำซ้อนกัน และกฎหมายมีความซ้ำซ้อนกัน จึงทำให้มีความยากลำบากในการนำกฎหมายไปบังคับใช้ ในทางปฏิบัติในประเทศไทย

ผลการศึกษาพบว่า การบังคับใช้กฎหมาย ด้านการดำเนินมาตรการทางอาญาด้านบทบัญญัติเกี่ยวกับหน้าที่ ความรับผิดทางอาญา และบทลงโทษ ทางอาญาของผู้ผลิต ผู้เก็บรวบ จำหน่าย ขนส่ง บำบัด กำจัด ตกอยู่ภายใต้อำนาจหน้าทีการดำเนินคดีอาญา ภายใต้บทบัญญัติของกฎหมายสิ่งแวดล้อมหลายฉบับ ทำให้มีความยาก ลำบากในการนำไปบังคับใช้

ผลการศึกษาพบว่า การบังคับใช้กฎหมาย ด้านการดำเนินมาตรการทางแพ่งด้านบทบัญญัติ เกี่ยวกับหน้าที่ ความรับผิดทางแพ่งของผู้ผลิต ผู้เก็บรวบ จำหน่าย ขนส่ง บำบัดกำจัด ตกอยู่ภายใต้ ภายใต้ บทบัญญัติของกฎหมายสิ่งแวดล้อมหลายฉบับทำให้ มีความยากลำบากในการนำไปบังคับ และผลการศึกษา พบว่า กรณีประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะ (Specific Legislation) เกี่ยวกับการจัดการ ขยะอิเล็กทรอนิกส์ แต่ยังคงอย่ภู ายใต้บังคับของกฎหมาย เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมหลายฉบับนั้นปัจจุบันหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องกำลังอยู่ระหว่างการศึกษาและพิจารณา เพื่อยกร่างเสนอเป็นกฎหมาย

ผลการศึกษาพบว่า มาตรการในการเสริมสร้าง สิ่งจูงใจทางเศรษฐศาสตร์เกี่ยวกับการจัดการสิ่งแวดล้อม เพื่อลดมลพิษจากของเสียอันตรายขยะอิเล็กทรอนิกส์ หรือซากผลิตภัณฑ์อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ อิเล็กทรอนิกส์ยังไม่เพียงพอโดยยังอยู่ระหว่างการศึกษา และพิจารณาเพื่อยกร่างเสนอเป็นกฎหมาย ข้อเสนอแนะ และแนวทางแก้ไข

ข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ไขเกี่ยวกับ การบังคับใช้กฎหมายด้านการดำเนินมาตรการทาง บริหารปกครองเกี่ยวกับการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส ์ ในประเทศไทยที่มีข้อบกพร่องและปัญหาอุปสรรค ด้านบทบัญญัติของกฎหมายเกี่ยวกับความรับผิดทาง บริหารปกครองมีความซ้ำซ้อนอยู่ภายใต้กฎหมาย สิ่งแวดล้อมหลายฉบับ และหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ ควบคุม ออกคำสั่งลงโทษ ทางบริหารปกครองมีความ ซ้ำซ้อนและขาดการประสานงาน ผู้วิจัยจึงขอเสนอ แนะว่าประเทศไทยควรตรากฎหมายขึ้นมาโดยเฉพาะ โดยการออกเป็นพระราชบัญญัติการจัดการซาก ผลิตภัณฑ์ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์และ ซากผลิตภัณฑ์อื่น พ.ศ. โดยมีบทบัญญัติเกี่ยวกับ มาตรการทางกฎหมายในการดำเนินมาตรการทาง บริหารปกครองเกี่ยวกับการจัดการสิ่งแวดล้อมเพื่อลด มลพิษจากของเสียอันตรายของขยะอิเล็กทรอนิกส์ ในประเทศไทย ดังต่อไปนี้ 1) มีบทบัญญัติเกี่ยวกับการ ควบคุมผลิตภัณฑ์ การกำหนดผลิตภัณฑ์ที่ถูกควบคุม ซึ่งยากแก่การรวบรวมขนส่งบำบัด กำจัด มีส่วนประกอบ ของผลิตภัณฑ์ที่ควรส่งเสริมให้กลับนำมาใช้ใหม่ (Recycle) ควรส่งเสริมให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตร ต่อสิ่งแวดล้อม มากขึ้น 2) มีบทบัญญัติเกี่ยวกับการ ควบคุมผู้ผลิต และผู้จัดจำหน่าย โดยต้องจดทะเบียน ต่อกรมควบคุมมลพิษ และให้ผู้ผลิตจัดทำแผน ความรับผิดชอบในการจัดการซากผลิตภัณฑ์ด้วยตนเอง หรือรวมกลุ่มเป็นสมาคม และกำหนดให้มีการจัดเก็บ ค่าธรรมเนียมผลิตภัณฑ์นำส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน และกำหนดมาตรการส่งเสริมสนับสนุนให้ผู้ผลิต ลดสารอันตราย 3) มีบทบัญญัติเกี่ยวกับการจัดการ ซากผลิตภัณฑ์ที่ถูกต้องตามหลักวิชาการปลอดภัย ไม่กระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้กรมควบคุมมลพิษและ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดแนวทางการจัดการ ซากผลิตภัณฑ์และจัดตั้งศูนย์ข้อมูลซากผลิตภัณฑ์ ในกรมควบคุมมลพิษ

ข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ไขปัญหาอุปสรรค ของการบังคับใช้กฎหมายด้านการดำเนินมาตรการ ทางอาญาเกี่ยวกับการที่ผู้ประกอบการ ผู้ผลิตสินค้า ผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ผู้จำหน่าย ผู้รวบรวม ผู้บำบัดผู้กำจัดได้ฝ่าฝืนบทบัญญัติ เกี่ยวกับความรับผิดทางอาญาภายใต้พระราชบัญญัติ เกี่ยวกับสิงแวดล้อมหลายฉบับซึ่งมีความซ้ำซ้อน และมีวัตถุประสงค์แตกต่างกันไป ซึ่งอยู่กันอย่าง กระจัดกระจาย ไม่เป็นเอกภาพ มีความยากลำบาก ในการตีความและบังคับใช้ทำให้การดำเนินคดีอาญาขาดประสิทธิภาพ ผู้วิจัยจึงขอเสนอแนะว่าประเทศ ประเทศไทยควรตรากฎหมาย โดยออกมาเป็นพระราช บัญญัติการจัดการซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและ อิเล็กทรอนิกส์ และซากผลิตภัณฑ์อื่น พ.ศ. .. โดยมี บทบัญญัติเกี่ยวกับความรับผิดทางอาญาอันเกิดจาก การจัดการซากผลิตภัณฑ์ดังต่อไปนี้คือ

ให้มีบทบัญญัติเกี่ยวกับความรับผิดทางอาญา และอัตราโทษทั้งจำคุกและหรือ ปรับเกี่ยวกับผู้ผลิต ฝ่าฝืนไม่เสนอแผนความรับผิดชอบในการจัดการ ซากผลิตภัณฑ์ ไม่รายงานปริมาณผลิตภัณฑ์ ไม่ขึ้น ทะเบียน ไม่ปฏิบัติตามแผนความรับผิดชอบในการ จัดการซากผลิตภัณฑ์ และให้มีบทบัญญัติเกี่ยวกับ ความรับผิดทางอาญาและให้มีบทกำหนดอัตราโทษ แก่ผู้มีหน้าที่รับคืน เก็บรวบรวม ขนส่ง ซากผลิตภัณฑ์ ที่ฝ่าฝืนการทิ้ง การรับคืน การเก็บรวบรวม การขนส่ง และให้มีบทบัญญัติเกี่ยวกับความรับผิดทางอาญา และบทกำหนดอัตราโทษแก่โรงงานที่ให้บริการจัดการ ซากผลิตภัณฑ์ที่ไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติการรับคืน การกลับนำมาใช้ใหม่ การบำบัดและการกำจัด

ข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ไขปัญหาอุปสรรค ของการบังคับใช้กฎหมายด้านการดำเนินมาตรการ ทางแพ่งเพื่อฟ้องร้องเยียวยาชดเชยความเสียหายใน ทางแพ่งให้แก่ประชาชน ซึ่งได้รับความเสียหายจากการ ที่ผู้ประกอบการ ผู้ผลิตสินค้าผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้า และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ผู้จำหน่าย ผู้รวบรวม ผู้บำบัดผู้กำจัดได้ฝ่าฝืนบทบัญญัติเกี่ยวกับความ รับผิดทางแพ่งอันเกิดจากการจัดการสิ่งแวดล้อม ภายใต้พระราชบัญญัติเกี่ยวกับสิงแวดล้อมหลายฉบับ เช่นภายใต้พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพ สิ่งแวดล้อม และบทบัญญัติเกี่ยวกับความรับผิดทางแพ่ง ภายใต้พระราชบัญญัติวัตถุอันตราย ซึ่งมีความซ้ำซ้อน และมีวัตถุประสงค์แตกต่างกันไปซึ่ง อยู่กันอย่าง กระจัดกระจาย ไม่เป็นเอกภาพ มีความยากลำบาก ในการตีความและบังคับใช้ทำให้การดำเนินแพ่ง เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมของการการจัดการของเสียอันตราย ขยะอิเล็กทรอนิกส์ขาดประสิทธิภาพ ผู้วิจัยจึงขอ เสนอแนะว่าทั้งหน่วยงานภาครัฐและองค์กรเอกชน NGO ควรให้คำแนะนำและให้ความช่วยเหลือแก่ ประชาชนซึ่งได้รับความเสียหารจากการที่ผู้ประกอบ การ ผู้ผลิตสินค้าผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ อิเล็กทรอนิกส์ ผู้จำหน่าย ผู้รวบรวม ผู้บำบัดผู้กำจัด ได้ฝ่าฝืนบทบัญญัติเกี่ยวกับความรับผิดทางแพ่ง อันเกิดจากการจัดการสิ่งแวดล้อมว่าประชาชนซึ่งได้รับ ความเสียหายจึงสิทธิในการใช้มาตรทางเลือกในการ ฟ้องคดีแพ่งแทนกันเป็นกลุ่ม (Civil Class Action) อันเป็นการแก้ปัญหาเรืองค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่าย ในการดำเนินคดีแพ่งและประชาชน ซึ่งได้รับความเสียหาย มีความสะดวกในการเข้าถึงระบบความยุติธรรมอย่าง เท่าเทียมกัน และผู้วิจัยขอเสนอแนะให้ประเทศไทย นำมาตรการบังคับลงโทษทางแพ่งมาบังคับใช้เกี่ยวกับ การเยียวยาความเสียหายจากมลพิษสิ่งแวดล้อมของ การจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ในประเทศไทย

ข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ไขด้านการ ขาดมาตรการทางกฎหมายในการสร้างสิ่งจูงใจทาง เศรษฐศาสตร์อย่างเพียงพอในการให้ผู้ประกอบการ ผู้ผลิตสินค้าผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ อิเลคทรอนิกส์ ผู้จำหน่าย ผู้รวบรวม ผู้บำบัดผู้กำจัด ลดมลพิษโดยการ

ข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ไขปัญหาอุปสรรค ของการบังคับใช้กฎหมายด้านการขาดการมีส่วนร่วม ของประชาชนอย่างแท้จริงในการลดมลพิษจากการ จัดการขยะอิเลคทรอนิกส์ในประทศไทย โดยการที่ หน่วยงานของรัฐและองค์กรเอกชนด้านสิ่งแวดล้อม ให้การศึกษา ความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชนใน การจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ เช่น โดยการส่งเสริม ให้ประชาชนคัดแยกขยะจากแหล่งกำเนิด

เอกสารอ้างอิง

กรมควบคุมมลพิษ กระทรวงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม. (2540). โครงการศึกษาข้อเสนอแนะปรับปรุงกลไกการควบคุมและบังคับใช้กฎหมายสิ่งแวดล้อม.

นิศาชล โรจน์สัตตรัตน์. (2540). หลักการและปัญหากฎหมายเกี่ยวกับการควบคุมการเคลื่อนย้ายและการกำจัดของเสียอันตรายข้ามแดนตามอนุสัญญาบาเซล ค.ศ. 1989 และพิธีสารบาเซล ค.ศ. 1999 (Rules and legal problems on the control of transboundary movements of hazadous wastes and their disposal accoding [i.e. according] to Basel Convention 1989 and Basel Protocol 1999) คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.

น้ำแท้ มีบุญสล้าง ปารีณา ศรีวนิชย์ และพงษ์เดช วานิชกิตติกุล. (2547). การดำเนินคดีแบบกลุ่มคดีสิ่งแวดล้อม(Class action for environmental case). คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

มิ่งสรรพ์ ขาวสอาด และกอบกุล รายะนาคร. (2552). เครื่องมือทางเศรษฐศาสตร์เพื่อจัดการสิ่งแวดล้อม.

วิทูรย์ สิมะโชคดี. (2535). กฎหมายอุตสาหกรรม พระราชบัญญัติโรงงาน.

สุนีย์ มัลลิกะมาลย์. (2539). การบังคับใช้กฎหมายสิ่งแวดล้อม. กรุงเทพฯ: นิติธรรม.

สุนีย์ มัลลิกะมาลย์. (2545). รัฐธรรมนูญกับการมีสวนร่วมของประชาชนในการพิทักษ์รักษาทรัพยากรธรรมชาติละสิ่งแวดล้อม. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

อุดมศักด์ สินธิพงษ์. (2556). กฎหมายสิ่งแวดล้อม. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์วิญญูชน จำกัด.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2018-06-25

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย