การเปรียบเทียบความสามารถในการอ่านและการพูดภาษาอังกฤษโดยใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนที่ใช้เนื้อหาที่จัดแสดงในพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนวัดนางสาว (ถาวรราษฎร์บำรุง) สมุทรสาคร
คำสำคัญ:
ความสามารถในการอ่าน, ความสามารถในการพูด, เนื้อหาที่จัดแสดงในพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบความสามารถในการอ่านของนักเรียนก่อนและหลัง การใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน เพื่อเปรียบเทียบความสามารถในการพูดของนักเรียนก่อนและหลังการใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน และเพื่อศึกษาความคิดเห็นของนักเรียนที่มีต่อบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน กลุ่มตัวอย่างคือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2560 โรงเรียนวัดนางสาว(ถาวรราษฎร์บำรุง) สมุทรสาคร จำนวน 30 คนที่ได้จากการเลือกห้องเรียนแบบเจาะจง จากประชากรทั้งหมด 106 คน ใช้วิธีการทดลองโดยให้นักเรียนเรียนด้วยบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น จำนวน 8 บท ใช้เวลา 2 สัปดาห์ สัปดาห์ละ 4 วัน วันละ 1 ชั่วโมง รวมทั้งสิ้น 8 ชั่วโมงเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย 1) บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนเพื่อเสริมสร้างทักษะการอ่านโดยใช้เนื้อหาที่จัดแสดงในพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งจำนวน 8 บท 2) แบบทดสอบวัดความสามารถในการอ่านภาษาอังกฤษก่อนและหลังการใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน 3)แบบทดสอบวัดความสามารถในการพูดภาษาอังกฤษก่อนและหลังการใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน 4)แบบสอบถามความคิดเห็นต่อบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน การวิเคราะห์ข้อมูลใช้ t-test แบบจับคู่ เพื่อเปรียบเทียบความสามารถในการอ่านและการพูดภาษาอังกฤษของนักเรียนก่อนและหลังการใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนการอ่านที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น และใช้ค่าเฉลี่ย(x̄) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน(S.D.) ในการหาค่าระดับความคิดเห็นของนักเรียนที่มีต่อบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนผลการวิจัยพบว่า 1)ความสามารถในการอ่านภาษาอังกฤษโดยใช้เนื้อหาที่จัดแสดงในพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งของนักเรียนหลังการเรียนด้วยบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนสูงกว่าก่อนการเรียนด้วยบทเรียนช่วยสอนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 2)ความสามารถในการพูดภาษาอังกฤษโดยใช้เนื้อหาที่จัดแสดงในพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งของนักเรียนหลังการเรียนด้วยบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนสูงกว่าก่อนการเรียนด้วยบทเรียนช่วยสอนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 3)นักเรียนมีความคิดเห็นที่ดีมากต่อบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น
เอกสารอ้างอิง
กรมวิชาการกระทรวงศึกษาธิการ, (2551). หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์ วัฒนาพานิชจำกัด.
กิดานนท์ มลิทอง, (2543). เทคโนโลยีการศึกษาและนวัติกรรม. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพมหานคร :จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย.
กันต์ดนัย วรจิตติพล, (2542). “การพัฒนาแบบฝึกทักษะการเขียนภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารสำหรับนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนสาธิตสถาบันราชภัฏนครปฐม จังหวัดนครปฐม วิทยานิพนธ์ปริญญา มหาบณัฑติ สาขาวิชาการสอนภาษาอังกฤษในฐานะภาษาต่างประเทศ ภาควิชาหลักสูตรและวิธีสอน บัณฑิต วิทยาลัยมหาวิทยาลัยศิลปากร.
ฉันแข อ่องลำยอง, (2535). “การพัฒนาบทเรียนการอ่านภาษาอังกฤษโดยใช้คอมพิวเตอร์. วิทยานิพนธ์ปริญญา มหาบัณฑิต สาขาวิชาการสอนภาษาอังกฤษในฐานะภาษาต่างประเทศ ภาควิชาหลักสูตรและวิธีสอนบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร.
ธนสิทธิ์ ศรีรัตน์ , (2543). “การพัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์มติมีเดีย ชุดเกมคำศัพท์ภาษาอังกฤษสำหรับนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ระหว่างการสอนโดยใช้เกมและการสอนแบบปกติ สารนิพนธปริญญามหาบัณฑิต สาขาวิชาเทคโนโลยีการศึกษา ภาควิชาหลักสูตรและวิธีสอน บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัย ศรีนครินทรวิโรฒ.
บุญพา คำวิเศษณ์ , (2546). “การพัฒนาบทเรียนเสริมทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเกี่ยวกับท้องถิ่นภูเก็ต พร้อมแบบฝึกคอมพิวเตอร์สำหรับนักเรียนชั้นประกาศนียบัตรวิชาชีพปีที่ 2 ( ปวช.2) โรงเรียนภูเก็ต เทคโนโลยีจังหวัดภูเก็ต วิทยานิพนธ์มหาบัณฑิต สาขาวิชาการสอนภาษาอังกฤษในฐานะภาษาต่าง ประเทศ คณะศึกษาศาสตร์ ภาควิชาหลักสูตรและวิธีสอนบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร.
บรรเทา กิตติศักดิ์ , (2541). การอ่านงานประพันธ์เฉพาะเรื่อง. กรุงเทพฯ : ไทยวัฒนาพานิช.
ประเทือง ใจหาญ, (2546). “การเปรียบเทียบความสามารถด้านทักษะการพูดภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารและแรง จูงใจในการเรียนวิชาภาษาอังกฤษสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่เรียนโดยใช้และไม่ใช้กิจกรรม การละครวิทยานิพนธ์มหาบัณฑิต สาขาวิชาการสอนภาษาอังกฤษในฐานะภาษาต่างประเทศ
คณะศึกษาศาสตร์ ภาควิชาหลักสูตรและวิธีสอนบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร.
ปัทมา มาริปุนภพ, (2547). “การจัดการเรียนรู้วัฒนธรรมท้องถิ่นในวิชาภาษาอังกฤษสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 1 ที่มีพื้นฐานทางวัฒนธรรมต่างกัน. วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตร์มหาบัณฑิต บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
ศศิธร จ่างภากร, (2531). “ผลของกิจกรรมเสริมทักษะการเขียนภาษาอังกฤษที่มีผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูง วิทยานิพันธครุศาสตร์มหาบัณฑิต สาขา วิชาการประถมศึกษา บัณฑิตวิทยาลัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ศรีภูมิ อัครมาส, (1998). Essential Grammar in use. กรุงเทพฯ : ซีเอ็ดบุค.
สมใจ สืบวัฒนพงษ์กุล, (2537). “การสร้างแบบฝึกทักษะการฟังเพื่อการสื่อสาร สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3. วิทยานิพนธ์มหาบัณฑิต สาขาวิชาการสอนภาษาอังกฤษในฐานะภาษาต่างประเทศ คณะศึกษาศาสตร์ ภาควิชาหลักสูตรและวิธีสอนบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร.
สุพักตรา เวสอุรัย, (2536). “การพัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์เพื่อฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ : การหาความหมาย ของคำศัพท์จากบริบท สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) กรุงเทพมหานครวิทยานิพนธ์มหาบัณฑิต สาขาวิชาการสอนภาษาอังกฤษ คณะศึกษาศาสตร์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ .
Chen, H.C., & Graves, M.F, (1995). Effects of previewing and providing background knowledge on Taiwanese college students่ comprehension of America short stories. TESOL Quarterly, 29(4), 663-686.
Collie & Slater, (1999). Literature in the language classroom. TESOL Quarterly, 29(4), 305-306.
Finocchiaro, M., and C. Brumfit, (1983). The Function - National Approach Form Theory to Practice. New York : Oxford University Press.
Gray, William Scott, (1984). On Their Own Reading. Chicago : Scott Foreman and Company.
Greenwood, William T. et al, (1988). Prepared under the Auspices of the Policies studies Organization. New York : Greenwood.
Heaton, J.B., (1975). Writing English Language Tests. London : Longman Group Limited.
Lee, Z. and Lee, J., (2000). An ERP implementation case study from a knowledge transfer perspective. Journal of Information Technology, 15(4): 281-288.
Piaget, J., (1970). Science of Education and the psychology of the child. New York: Orion press.
Rumelhart, D., (1985). Theoretical Models and Processes of reading II. Newark, DE: International Reading Association
Steffensen, M.S., (1988). The dialogue journal : A method of improving cross cultural reading
comprehension. Reading in a Foreign Language, 5(1), 193-203.
Valette, R., (1977). Modern Language Testing. New York: Harcourt Brace Javanovich Inc.
Woodward, Kath., (2000). Questioning identity : gen, class, nation. London & New York: Routledge.
Zimmerman, M.A., (1995). Psychological empowerment: Issues and illustrations. American Journal of Community Psychology, 23(5), 581-599.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของ สถาบันวิทยาการจัดการแห่งแปซิฟิค
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับสถาบันวิทยาการจัดการแห่งแปซิฟิค และคณาจารย์ท่านอื่นๆในสถาบันฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว
