รูปแบบการบริหารการจัดการความรู้แบบมีส่วนร่วมในโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา กลุ่มที่ 8
คำสำคัญ:
รูปแบบการบริหาร, การจัดการความรู้แบบมีส่วนร่วม, โรงเรียนพระปริยัติธรรมบทคัดย่อ
รูปแบบการบริหารการจัดการความรู้แบบมีส่วนร่วมในโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา กลุ่มที่ 8 ที่ได้ทำการศึกษาวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาสภาพการบริหารการจัดการความรู้แบบมีส่วนร่วมในโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา กลุ่มที่ 8 2) เพื่อสร้างรูปแบบการบริหารการจัดการความรู้แบบมีส่วนร่วมในโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา กลุ่มที่ 8 3) เพื่อประเมินรูปแบบการบริหารการจัดการความรู้แบบมีส่วนร่วมในโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา กลุ่มที่ 8
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาวิจัย ระยะที่ 1 ประกอบด้วย ผู้บริหารและครูที่ปฏิบัติหน้าที่การสอนประจำอยู่ในโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา กลุ่มที่ 8 ในปีการศึกษา 2557 จำนวน จำนวน 38 โรงเรียนเป็นผู้บริหาร 38 รูป และครูอาจารย์ 131 รูป / คนรวมกลุ่มตัวอย่าง ที่ใช้ในการวิจัยทั้งสิ้น 169 รูป / คน ระยะที่ 2 ผู้ให้ข้อมูลในการจัดสนทนากลุ่ม (Focus Group Discussion) จำนวน 9 คน ระยะที่ 3 ผู้ให้ข้อมูลการประเมินความเหมาะสม และความเป็นไปได้โดยผู้เชี่ยวชาญและผู้ทรงคุณวุฒิ(Connoisseurship) จำนวน 20 คน
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบสอบถาม การสัมมนากลุ่มผู้ทรงคุณวุฒิ(Focus Group Discussion )และการประเมินความเหมาะสม และความเป็นไปได้โดยผู้เชี่ยวชาญและผู้ทรงคุณวุฒิ การหาคุณภาพของแบบสอบถามโดยการหาค่า IOC (Item Objective Congruence Index) เลือกเฉพาะข้อคำถามที่มีค่า IOC 0.50 ขึ้นไป และค่าความเชื่อมั่นโดยหาค่าสัมประสิทธิ์แอลฟา (alpha-coefficient) ของครอนบาค (Cronbach)ได้ค่าความเชื่อมั่น 0.896 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ข้อมูลเชิงปริมาณ ได้แก่ ร้อยละ(Percentage) ค่าเฉลี่ย (Mean) และค่า เบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) ส่วนข้อมูลเชิงคุณภาพใช้วิธีการวิเคราะห์เนื้อหา(Content Analysis) จากการข้อเสนอแนะของผู้เชี่ยวชาญและผู้ทรงคุณวุฒิ โดยใช้วิธีการสรุปเป็นความเรียง
ผลการวิจัยพบว่า
1. สภาพการบริหารการจัดการความรู้แบบมีส่วนร่วมในโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนก 2 หลักสูตรศึกษาศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา มหาวิทยาลัยปทุมธานี สามัญศึกษา กลุ่มที่ 8 โดยรวมอยู่ในระดับมาก ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงที่สุด ได้แก่ ด้านการแสวงหาความรู้รองลงมา คือ ด้านการสร้างความรู้ และด้านที่มีค่าเฉลี่ยน้อยที่สุด คือ ด้านการแลกเปลี่ยนเรียนรู้
2. รูปแบบการบริหารการจัดการความรู้แบบมีส่วนร่วมในโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา กลุ่มที่ 8 ประกอบด้วย 2 ตัวแปรซึ่งมีความสัมพันธ์กัน คือ องค์ประกอบการมีส่วนร่วมใน 5 ด้าน และองค์ประกอบการบริหารจัดการความรู้ใน 5 ด้าน
3. ผลการประเมินความเป็นไปได้ และความเหมาะสมของรูปแบบการบริหารการจัดการความรู้แบบมีส่วนร่วมในโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา กลุ่มที่ 8 พบว่า โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่า ทุกด้านอยู่ในระดับมากที่สุด
เอกสารอ้างอิง
คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.(2552) พื้นฐานกระบวนทัศน์ทางการศึกษา. พิมพ์ ครั้งที่ 2. มหาสารคาม : อภิชาตการพิมพ์.
ชนิดา ลือปัญญา(2555). รูปแบบการมีส่วนร่วมระหว่างโรงเรียนกับชุมชนในการพัฒนาศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจแบบพอเพียงกรณ์ศึกษาตำบลนาขา่ อำเภอวาปีปทุม จังหวัดมหาสารคาม.มหาสารคาม: คณะครุศาสตร์ สถาบันราชภัฏ มหาสารคาม.
ทิศนา แขมมณี .(2552) ศาสตร์การสอน : องค์ความรู้เพื่อการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ. พิมพ์ครั้งที่ 10. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ธีระ รุญเจริญ. (2554) ยุทธศาสตร์การบริหารจัดการการศึกษาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น. กรุงเทพฯ: ข้าวฟ่าง.
พระครูอนุกูลวรการ ผาสุขกาโม. (2552). สภาพปัญหา และแนวทางการพัฒนาการบริหารการศึกษาของโรงเรียนพระ ปริยัติธรรมในเขตอำเภอชายแดน จังหวัดตาก. วิทยานิพนธ์คณะครุศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฏกดำแพงเพชร
พิมพ์พันธ์ เดชะคุปต์ และคณะ. (2553) การสอนด้วยโครงงาน : การเรียนการสอนแบบบูรณาการ. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรงุเทพฯ : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
พระราชวรมุนี (ประยูร ธมฺมจิตโต). (2551). การคณะสงฆ์กับพ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ. กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยมหา จุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย.
พระมหาสุทิตย์ อาภากโร. (2549). เครือขายธรรมชาติความรู้และการจัดการ. กรุงเทพฯ: โครงการเสริมสร้างการเรียนรู้ เพื่อชุมชนเป็นสุข
พระอุทัย วรรณทอง (2554). ความพึงพอใจในการปฏิบัติงานของครูในโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษา ในจังหวัดอุบลราชธานี. อุบลราชธานี : คณะครุศาสตร์ สถาบันราชภัฏอุบลราชธานี.
โรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษา (2553). แผนยุทธศาสตร์และแผนปฏบิตักิารการพฒันาการศึกษา. ศรีสะเกษ : โรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษา.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของ สถาบันวิทยาการจัดการแห่งแปซิฟิค
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับสถาบันวิทยาการจัดการแห่งแปซิฟิค และคณาจารย์ท่านอื่นๆในสถาบันฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว
