ธรรมาภิบาลในการบริหารงานบุคคลของนายกเทศมนตรี ในเขตพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
คำสำคัญ:
ธรรมาภิบาล, งานบริหารงานบุคคลบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาระดับธรรมาภิบาลในการบริหารงานบุคคลของนายกเทศมนตรีในเขตพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อธรรมาภิบาล ในการบริหารงานบุคคลของนายกเทศมนตรีในเขตพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และเพื่อศึกษาข้อเสนอแนะกลยุทธ์การสร้างธรรมาภิบาลในการบริหารงานบุคคลของนายกเทศมนตรีในเขตพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือให้ดีขึ้น การวิจัยในครั้งนี้เป็นการวิจัยแบบผสม (Mixed Method)โดยดำเนินการวิจัยเชิงปริมาณ และแบบคุณภาพ ในการวิจัยเชิงปริมาณนั้น กลุ่มตัวอย่างของการวิจัยประกอบด้วยประชากร จำนวน 346คน ซึ่งได้มาจากวิธีการหาขนาดกลุ่มตัวอย่างตามสูตรของยามาเน่ โดยคำนวณจากกลุ่มประชากรจำนวนทั้งหมด 2,541 คน ซึ่งได้แก่ นายกเทศมนตรี จำนวน 20 จังหวัด จำนวน 847 คน พนักงานเทศบาล ผู้ดำรงตำแหน่งปลัดและผู้รับผิดชอบงานบริหารงานบุคคล จำนวน 20 จังหวัดโดยใช้แบบสอบถามที่มีมาตรวัด 5 ระดับตามมาตรวัดลิเคิร์ท (Likert Scale ) เป็นเครื่องมือ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลเป็นสถิติเชิงพรรณนา (Descriptive Statistics) สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สัน(Pearson’s product-moment correlation) และการวิเคราะห์ถดถอยเชิงพหุ (Multiple Regression) โดยวิธี Stepwise ส่วนการวิจัยเชิงคุณภาพ เป็นการศึกษาโดยการทบทวนวรรณกรรม เอกสารต่างๆ (document research) การสังเกตแบบไม่มีส่วนร่วม (non-participatory observation) และข้อมูลโสตทัศนวัสดุ (audio-visual materials) รวมถึงการสัมภาษณ์เจาะลึก (In-depth Interviews) ผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้ ความเข้าใจและประสบการณ์อย่างยิ่ง ที่เกี่ยวข้องกับการบริหารงานในเขตเทศบาลในเขตพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 17 คน ผลการวิจัยพบว่า
- ระดับธรรมาภิบาลในบุคคลของนายกเทศมนตรีในเขตพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยรวม มีความคิดเห็นอยู่ในระดับปานกลาง
- ระดับกลยุทธ์การสร้างหลักธรรมาภิบาลในการบริหารงานบุคคลของนายกเทศมนตรีในเขตพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือโดยรวม มีความคิดเห็นอยู่ในระดับมาก
- ปัจจัยที่ส่งผลต่อธรรมาภิบาลในการบริหารงานบุคคลของนายกเทศมนตรี ในเขตพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีค่าของ R² ที่ปรับแล้ว (Adjusted R²) เท่ากับ .419 ซึ่งบ่งชี้ว่า 42% ของความแปรผันในการใช้หลักธรรมาภิบาลในการบริหารงานบุคคลของนายกเทศมนตรี ในเขตพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สามารถอธิบายด้วยตัวแปรอิสระหรือตัวแปรพยากรณ์ 4 ตัว ประกอบด้วยหลักนิติธรรม หลักยุติธรรม หลักความรับผิดชอบ หลักความคุ้มค่า ตัวแปรตามได้แก่ กลยุทธ์การสร้าง ธรรมาภิบาลในการบริหารงานบุคคลของนายกเทศมนตรีในเขตพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เมื่ออิงค่าเบต้า (the beta weight) ทำให้สามารถกล่าวได้ว่าปัจจัยต่างๆ ที่มีอิทธิพลต่อการใช้หลักธรรมาภิบาลในการบริหารงานบุคคลของนายกเทศมนตรีในเขตพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเรียงตามลำดับจากสูงไปหาต่ำ ตามความเข้มข้นเป็นหลัก คือ หลักความรับผิดชอบ หลักยุติธรรม หลักนิติธรรม และหลักความคุ้มค่า
- ปัญหาและความยุ่งยากในการบริหารงานบุคคลของนายกเทศมนตรีในเขตพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีสาเหตุสำคัญมาจากการแสวงหาผลประโยชน์ หรือคอร์รับชั่น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การทุจริตการบรรจุแต่งตั้งพนักงานส่วนท้องถิ่น ส่วนใหญ่เกิดจากพฤติกรรมการรู้เห็นเป็นใจทั้งฝ่ายทั้งนักการเมืองท้องถิ่น ผู้บริหารท้องถิ่น พนักงานส่วนท้องถิ่น การช่วยเหลือโดยมีระบบอุปถัมภ์และช่วยเหลือพวกพ้องของตนเอง ผู้บริหารท้องถิ่นหรือพนักงานท้องถิ่นที่มีพฤติกรรมแสวงหาผลประโยชน์โดยอาศัยช่องโหว่ของกฎหมาย ทำให้ผู้บริหารสามารถแสวงหาผลประโยชน์ได้ง่าย โดยไม่ต้องรับโทษใดๆ
- แนวทางในการแก้ไขปัญหามีหลายประการดังนี้ ควรเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจแก่ผู้บริหาร เจ้าหน้าที่และประชาชน ให้ปฏิบัติงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริตและการต่อต้านการทุจริต ให้ความสำคัญในการป้องกันการทุจริตในองค์กร การสร้างจิตสำนึก ปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรม สร้างภูมิคุ้มกัน วางรากฐานในการป้องกันการทุจริตขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ปราศจากการทุจริตคอรัปชั่น ให้ภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการตรวจสอบการทำงาน ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สร้างแรงจูงใจให้พนักงานของรัฐทุกคนเสียสละเพื่อประโยชน์ส่วนรวม มีการรณรงค์ เผยแพร่ ประชาสัมพันธ์ ให้สังคมมีค่านิยม ยกย่อง เชิดชู และเห็นคุณค่าของการประพฤติปฏิบัติตนตามหลักคุณธรรมและจริยธรรมที่ถูกต้องและเหมาะสม การปลูกจิตสำนึกต่อต้านการทุจริตให้เกิดขึ้นในสังคมไทย ซึ่งจะทำให้การทุจริต คอร์รัปชั่นน้อยลง ประการสุดท้าย ควรจะสร้างจิตสำนึกให้ประชาชน เพื่อให้ตระหนักถึงการทุจริต คอร์รัปชั่น และสมาชิกในชุมชนจะได้ร่วมกันป้องกันและเป็นหูเป็นตา
เอกสารอ้างอิง
ณัพฐอร ศรีชนะ. (2555). การบริหารตามหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดีขององค์การบริหารส่วนตำบลในอำเภอปทุมรัตน์ จังหวัดร้อยเอ็ด .วิทยานิพันธุ์ปริญญารัฐประศาสนศาสตร์มหาบัณฑิต สาขารัฐประศาสนศาสตร์ บัณฑิต วิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม.
ธนภรณ์ บัวคำภา. (2553). การนำหลักธรรมาภิบาลไปปฏิบัติของบุคลากรในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ศึกษากรณี เทศบาลตำบลคุ้มตะเภา อำเภอเมืองจังหวัดอุตรดิตถ์ . วิทยานิพันธุ์ศิลปศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาพัฒนาสังคม, คณะพัฒนาสังคม สถาบันับัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ .
เนติพัฒน์ รู้ยืนยง. (2557). รูปแบบการพัฒนาพฤติกรรมการทำงานเพื่อสร้างความเป็นธรรมตามหลักธรรมาภิบาล ของบุคลากรฝ่ายปกครอง ในจังหวัดร้อยเอ็ด.วิทยานิพันธุ์ปริญญารัฐประศาสนศาสตร์ดุษฎีบัณฑิต สาขารัฐประศาสนศาสตร์ , บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม.
พระปิยวัฒน์ ปิยสีโล. (2554). การบริหารงานตามหลักธรรมาภิบาล ของเทศบาลเมืองแพร่อำเภอเมืองจังหวัดแพร่. วิทยานิพันธุ์ปริญญาพุทธศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ ,มหาวิทยาลัยมหาจุฬาราชวิทยาลัย.
พิทักษ์พงศ์ กางการ. (2554). การบริหารเทศบาลเมืองตามหลักธรรมาภิบาลในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนใต้. วิทยานิพันธุ์ปรญิญารัฐประศาสนศาสตร์มหาบณัฑติ สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ ,บณัฑติวิทยาลัยมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี.
มยุรี ทรัพย์เที่ยง. (2553). ปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิผลการดำเนินนโยบายธรรมาภิบาล ในองค์การบริหารส่วนตำบล จังหวัดลพบุรี. วิทยานิพันธุ์ปรญิญารัฐประศาสนศาสตร์ดษุฎบีณัฑติ สาขารัฐประศาสนศาสตร์ บณัฑติวิทยาลัยมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต.
วิษณุ เครื่องาม. (2554). เล่าเรื่องผู้นำ. กรุงเทพฯ : มติชน, 2554.
สยาม ดำปรีดา. (2549). สังคมกับการปกครอง. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ไทยรายวัน.
สาธุนิสายสุวรรณ ฉันธะ จันทะเสนา ละสะอา บรรเจดิฤทธิ์ (2553). ปัญหาการบริหารงานตามหลักธรรมาภิบาลขององค์การบริหารส่วนตำบล อำเภอหันคา จังหวัดชัยนาท.วารสารบัณฑิตศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ปีที่ 4 ฉบับที่ 1 กุมภาพันธุ์ - เมษายน 2553.
สพุจน์เจริญขา .(2554).การบริหารงานตามหลักธรรมาภิบาลขององค์การบริหารส่วน ตำบลปางมะค่า อำเภอขาณวุรลกัษบุรี จังหวัดกำแพงเพชร. วิทยานิพันธุ์หลักสูตรพุทธศาสตร์มหาบัณฑิต (การบริหารจัดการคณะสงฆ์ ).
สันติ ไชยมหา. (2555). การบริหารงานตามหลักธรรมาภิบาลขององค์การบริหารส่วนตำบลไชยบุรี อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม. วิทยานิพันธุ์ปริญญารัฐประศาสนศาสตร์มหาบัณฑิต สาขารัฐประศาสนศาสตร์ , บัณฑิต วิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม.
สมเกียรติเกียรตเจิรญิ. (2558 ). รูปแบบปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จในการบริหารจัดการบ้านเมืองที่ดีขององค์การบริหาร ส่วนตำบลในจังหวัดมหาสารคาม. วิทยานิพันธุ์ปรญิญารัฐประศาสนศาสตร์ดษุฎบีณัฑติ สาขารัฐประศาสนศาสตร์ , บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม.
สมยศ นาวีการ. (2546). การบริหารและพฤติกรรมองค์การ. พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพฯ : บรรณกิจ
อินรุทธ์ แดงหยง. (2552). การปฏิบัติงานตามหลักธรรมาภิบาลของบุคลากรของมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม. วิทยานิพันธุ์ รัฐประศาสนศาสตร์มหาบัณฑิต บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม .
Azamat Fara. (2002). Good Governance and market-based : a study of Bangladesh. Australia : Monash Governanc Research Unit.
Clarke, Vicki Clinell Burge. (2001). “ In search of good governance : Decentralization and democracy In Ghana. ” Ph, D. lllinois : Northern lllinois University.
Cronbach, Lee J. (1970). Essentials of Psychological Testing. 3rd ed. New York : Harper & Row.
Yamane, Taro. (1973). Statistics an Introductory Analysis. (Third Edition). New York Harper & Row Publishers Inc .
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของ สถาบันวิทยาการจัดการแห่งแปซิฟิค
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับสถาบันวิทยาการจัดการแห่งแปซิฟิค และคณาจารย์ท่านอื่นๆในสถาบันฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว
