การพัฒนาความสามารถการอ่านอย่างมีวิจารณญาณ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่เรียนโดยวิธีสอนแบบ SQ4R
คำสำคัญ:
critical reading ability, SQ4R teaching method, การอ่านอย่างมีวิจารณญาณ, วิธีสอนแบบ SQ4Rบทคัดย่อ
การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1)พัฒนาความสามารถการอ่านอย่างมีวิจารณญาณ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่จัดการเรียนรู้โดย วิธีสอนแบบ SQ4R 2) ศึกษาความคิดเห็นของนักเรียน ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้วิธีสอนแบบSQ4R ใช้ระเบียบวิธีวิจัยการวิจัยก่อนทดลอง (Pre-Experimental Design) โดยใช้แบบแผนการวิจัยแบบกล่มุ เดียวสอบก่อน และสอบหลังการทดลอง (One Group Pretest - Posttest Design) ประชากรคือนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่3 โรงเรียนราชินีบูรณะ จังหวัดนครปฐม ภาคเรียนที่2 ปีการ ศึกษา 2559 จำนวน 12 ห้องเรียน มีนักเรียนจำนวน 507 คน กลุ่มตัวอย่างคือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/8โรงเรียนราชินีบูรณะ จังหวัดนครปฐม จำนวน 46 คน คน วิธีการสุ่มตัวอย่างโดยการสุ่มอย่างง่าย (Simple Random Sampling) โดยใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยสุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยคือแผนการจัดการเรียนรู้เรื่อง การอ่านอย่างมีวิจารณญาณ แบบทดสอบวัดความสามารถ การอ่านอย่างมีวิจารณญาณ และแบบสอบถามความคิด เห็นของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้โดยวิธีสอนแบบSQ4R การวิเคราะห์ข้อมูล ค่าดัชนี ความสอดคล้อง ค่าความยาก ค่าความเชื่อมั่นคะแนนความ สามารถการอ่านอย่างมีวิจารณญาณก่อนและหลังการ จัดการเรียนรู้และความคิดเห็นของนักเรียนที่มีต่อการ จัดการเรียนรู้โดยวิธีสอนแบบ SQ4R สถิติที่ใช้ในการ วิเคราะห์ข้อมูลใช้ค่าเฉลี่ย (x), ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และการทดสอบค่าทีแบบไม่เป็นอิสระต่อกัน (t – test dependent)
ผลการศึกษาพบว่า
1.ความสามารถในการอ่านอย่างมีวิจารณญาณ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่เรียนโดยวิธีสอนแบบ SQ4R หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ที่ระดับ .05
2.ความคิดเห็นของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้โดยวิธีสอนแบบSQ4R โดยภาพ รวมอยู่ในระดับมาก
References
กานต์ธิดา แก้วกาม. (2556). การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์การอ่านจับใจความของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่จัดการเรียนรู้โดยวิธีสอนแบบ SQ4R กับวิธีสอนแบบปกติ. วิทยานิพันธุ์ภาควิชาหลักสูตรและวิธีสอน บณัฑติวิทยาลัยมหาวิทยาลัยศิลปากร.
ดนยา วงศ์ธนะชัย. (2542). การอ่านเพื่อชีวิต. ลพบุรี : สถาบันราชภัฏพิบูลสงคราม.
ณภัทร เทพพรรธนะ. (2541). ภาษาไทยเพื่อการสื่อสาร.กรุงเทพมหานคร.ดอกหญ้า นภดล จันทร์เพ็ญ. (2535). การใช้ภาษาไทย.กรุงเทพมหานคร : แสงศิลป์การพิมพ์ .
เมขลา ลือโสภา. (2555). การพัฒนาการอ่านจับใจความด้วยวิธีการสอนแบบ SQ4R กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1. มหาสารคาม : มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม.
มาลัย ทองสิมา. (2559). ครูชำนาญการพิเศษโรงเรียนราชินีบูรณะ, สัมภาษณ์ 20 พฤษภาคม.
รัตนภัณฑ์เลิศคาฟู. (2547). การใช้วิธีสอบแบบเอสควิโฟร์อาร์ในการสอนอ่านจับใจความสำคัญสำหรับนักเรียนชั้นประถม ศึกษาปีที่ 5. เชียงใหม่ : มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
วิภา อมรศิริอาภรณ์ . (2558). ครูชำนาญการโรงเรียนราชินีบูรณะ, สัมภาษณ์ 20 พฤษภาคม.
วรรณี คำเจริญ. (2558). ครูชำนาญการพิเศษโรงเรียนราชินีบูรณะ, สัมภาษณ์ 11 สิงหาคม.
ศุภิษฐา เจียรกุล. (2546). คู่มือการสอนอย่างมีประสิทธิภาพ. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ .
สุคนธ์ สินธพานนท์ และคณะ. (2552). พัฒนาทักษะการคิด...พิชิตการสอน. พิมพ์ครั้งที่ 4 กรุงเทพมหานคร
โรงพิมพ์เลี่ยงเชียง.
สุนันทา มั่นเศรษฐีวิทย์ . (2535). การสอนอ่านวิชาภาษาไทย.กรุงเทพมหานคร : ภาควิชาการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ .
สุวัฒน์ วิวัฒนานนท์ . (2550). ทักษะการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน. นนทบุรี ซี.ซี. นอลลิดจ์ ลิงคส์ .
Ghaith, G.M., Shaaban K.A., and Halal N.A. (2005). The relative effectiveness of prereading strategies on the comprehension of ELS readers. Available at https://wwwlb.aub.edu.lb~webpubof/ research/21report/education_pr ojects.html.
Heilman, A.W.(1967). Principle and Practices of Teaching Reading. Ohio: A Bell&Howell.
Miner,W. 2005. The impact of the SQ4R, as a strategy for retelling expository text, on student comprehension. Retrieved from https://www.src. Truman.edu
Rubin, D. (1990). A Practical Approach to Teaching Reading. New York: Schuster.
Wander & Cooper.1996. To What and How of Reading Instruction. (2nd ed ). Ohio:Meritt Publishing Company.
Downloads
เผยแพร่แล้ว
ฉบับ
บท
License
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของ สถาบันวิทยาการจัดการแห่งแปซิฟิค
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับสถาบันวิทยาการจัดการแห่งแปซิฟิค และคณาจารย์ท่านอื่นๆในสถาบันฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว