ความรู้และพฤติกรรมของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษา ต่อการป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)
คำสำคัญ:
ความรู้การป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (covid-19), พฤติกรรมการป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (covid-19)บทคัดย่อ
การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ทำให้ประชาชนทั่วโลกมีความวิตกกังวลในด้านสุขภาพเป็นอย่างมาก ได้มีการศึกษาหาความรู้จากแหล่งข้อมูลต่างๆในการปกป้องตนเอง ครอบครัว และชุมชน โดยเฉพาะสถานศึกษาต้องยิ่งให้ความรู้เพื่อป้องกันการติดต่อของโรค โดยครูผู้สอนมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในเรื่องนี้ การให้ข้อมูลที่ถูกต้องและข้อเท็จจริงบนพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวกับโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) โดยเฉพาะนักเรียนระดับมัธยมศึกษาซึ่งอยู่ในช่วงวัยรุ่นพร้อมที่จะเป็นผู้ใหญ่ในอนาคต ยอมรับการเปลี่ยนแปลง รู้จักรักษาสุขภาพของตนเอง จึงต้องวางแผนการศึกษาให้เหมาะสม จะช่วยลดความกลัวและความกังวลของนักเรียน รวมทั้งส่งเสริมให้นักเรียนมีความสามารถในการรับมือกับผลกระทบจากสถานการณ์นี้ ที่อาจเกิดขึ้นในชีวิตของนักเรียน สอนให้รู้จักการรักษาระยะห่างทางสังคม โดยเฉพาะพฤติกรรมเพื่อสุขอนามัยที่ดี เช่น การไอหรือจามลงบนข้อพับแขน และการล้างมือด้วยน้ำและสบู่ หรือทำความสะอาดด้วยเจลล้างมือที่ผสมแอลกอฮอล์ การใส่หน้ากากอนามัยเพื่อป้องการแพร่กระจายและการติดต่อของโรค ซึ่งทุกวิชาควรให้ความรู้ที่มีเนื้อหาสอดคล้องกับวิชา สุขศึกษาในการป้องกันโรค ตัวอย่าง เช่น วิชาวิทยาศาสตร์ อาจบรรจุเนื้อหาเกี่ยวกับเชื้อไวรัสต่าง ๆ การติดต่อของโรค และความสำคัญของการฉีดวัคซีน ส่วนวิชาสังคมศึกษา อาจเน้นเรื่องราวของโรคระบาดใหญ่ในประวัติศาสตร์ และวิวัฒนาการของนโยบายด้านสาธารณสุขและความปลอดภัย เพื่อช่วยให้นักเรียนมีความรู้และมีพฤติกรรมในการป้องกันโรค
เอกสารอ้างอิง
กรมควบคุมโรค. (2563). โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19). สืบค้นเมื่อ 24 พฤษภาคม 2563. จาก https://ddc.moph.go.th/viralpneumonia/int_academy.php
กรมควบคุมโรค. (2563). โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19). สืบค้นเมื่อ 15 พฤษภาคม 2563. จาก
https://ddc.moph.go.th/viralpneumonia/index.php.
กองสุขศึกษา กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข. (2556). แนวทางการดำเนินงานปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ. กรุงเทพฯ : กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ.
ชื่นจิตต์ ก๋อยสุวรรณ. (2549). ปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมส่งเสริมสุขภาพของนักเรียนโรงเรียนสตรีวัดระฆัง กรุงเทพมหานคร. บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.
มิ่งขวัญ ศิริโชติ. (2561). การพัฒนารูปแบบการส่งเสริมสุขภาพสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 2 กรุงเทพมหานคร. วิทยานิพนธ์ปริญญาดุษฎีบัณฑิตสาขาสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกริก.
ยูนิเซฟ. (2563). covid-19. สืบค้นเมื่อ 24 กรกฎาคม 2563. จาก https://www.unicef.org/thailand/th/coronavirus/how-teachers-can-talk-children-about-coronavirus-disease-covid-19
สุรเดช สำราญจิตต์. (2558). พฤติกรรมสุขภาพทางสาธารณสุข. กรุงเทพฯ : ศูนย์หนังสือมหาวิทยาลัยรามคำแหง.
เอมอัชฌา วัฒนบุรานนท์. (2548 ). การจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนางานสุขภาพในโรงเรียน. กรุงเทพฯ : ศูนย์ตำราและเอกสารวิชาการ
คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. (2559 ). การวิจัยพัฒนาโมเดลเลิฟเพื่อสร้างเสริมความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ : ชุดโครงการวิจัยสำหรับนิสิตระดับอุดมศึกษา. กรุงเทพฯ : ศูนย์หนังสือจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
Nutbeam, D. (2000). Health Literacy as public health goal : a challenge for contemporary health education and communication strategies into health 21st century. Health Promotion International. 15(8) printed in Great Britain.
Pender, N.J.. (1996). Health Promotion in Nursing Practice. Connecticut : Appleton & Lange.
Rootman, I. (2002). Health Literacy and Health Promotion. Ontario Health Promotion E- Bulletin.
http://www.ohpe.ca/index2.php?option=com_content&do_pdf=1&id=175 [June 17 2010]
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของ สถาบันวิทยาการจัดการแห่งแปซิฟิค
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับสถาบันวิทยาการจัดการแห่งแปซิฟิค และคณาจารย์ท่านอื่นๆในสถาบันฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว
