ยุทธศาสตร์การเอาชนะปัญหายาเสพติดในพื้นที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 3 กองบัญชาการตำรวจนครบาล
คำสำคัญ:
ปัญหายาเสพติด, ยุทธศาสตร์, กองบังคับการตำรวจนครบาล 3บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาระดับปัจจัยการนำนโยบายไปสู่การปฏิบัติ ที่ส่งผลต่อยุทธศาสตร์การเอาชนะปัญหายาเสพติดในพื้นที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 3 กองบัญชาการตำรวจนครบาล 2) ศึกษาระดับปัจจัยภายนอกของการนำนโยบายไปสู่การปฏิบัติ ที่ส่งผลต่อยุทธศาสตร์การเอาชนะปัญหายาเสพติดในพื้นที่สังกัดกองบังคับการตำรวจนครบาล 3 กองบัญชาการตำรวจนครบาล 3) ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยการนำนโยบายไปสู่การปฏิบัติ และปัจจัยภายนอกของการนำนโยบายไปสู่การปฏิบัติที่ส่งผลต่อยุทธศาสตร์การเอาชนะปัญหายาเสพติดในพื้นที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 3 กองบัญชาการตำรวจนครบาล ใช้การวิจัยแบบผสานวิธี (Mix Methods Research) ระหว่างการวิจัยเชิงปริมาณ และเชิงคุณภาพ โดยใช้กลุ่มประชากรและกลุ่มตัวอย่างเชิงปริมาณ จำนวนทั้งสิ้น 400 คน จากจำนวน 1,217 คน ใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือ สถิติที่ใช้ในการวิจัยคือ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การวิเคราะห์สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สันและการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณแบบขั้นตอน ส่วนการวิจัยเชิงคุณภาพ ใช้การวิจัยภาคสนามจากการสัมภาษณ์เชิงลึก จากหัวหน้าสถานี ตำแหน่งผู้กำกับหรือรองผู้กำกับ แห่งละ 1 คน รวม 11 สถานี ในพื้นที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 3
ผลการวิจัยพบว่า
1) ศึกษาระดับปัจจัยการนำนโยบายไปสู่การปฏิบัติ ที่ส่งผลต่อยุทธศาสตร์การเอาชนะปัญหายาเสพติดในพื้นที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 3 กองบัญชาการตำรวจนครบาล ภาพรวมอยู่ในระดับมาก ค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.65
2) ศึกษาระดับปัจจัยภายนอกของการนำนโยบายไปสู่การปฏิบัติ ที่ส่งผลต่อยุทธศาสตร์การเอาชนะปัญหายาเสพติดในพื้นที่สังกัดกองบังคับการตำรวจนครบาล 3 กองบัญชาการตำรวจนครบาล ภาพรวมอยู่ในระดับปานกลาง ค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.45
3) ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยการนำนโยบายไปสู่การปฏิบัติ และปัจจัยภายนอกของการนำนโยบายไปสู่การปฏิบัติที่ส่งผลต่อยุทธศาสตร์การเอาชนะปัญหายาเสพติดในพื้นที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 3 กองบัญชาการตำรวจนครบาล (1) ปัจจัยการนำนโยบายไปสู่การปฏิบัติ ตัวแปรที่มีค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์สูงที่สุดคือ ด้านมาตรฐานของนโยบาย มีค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์เท่ากับ 0.83 ตัวแปรที่มีค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ต่ำสุดคือ ด้านทรัพยากรชองนโยบาย มีค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์เท่ากับ 0.62 (2) ปัจจัยภายนอกของการนำนโยบายไปสู่การปฏิบัติ ตัวแปรที่มีค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์สูงที่สุดคือ ด้านเทคโนโลยี มีค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์เท่ากับ 0.76 ตัวแปรที่มีค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ต่ำสุดคือ ด้านการเมือง มีค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์เท่ากับ 0.66
เอกสารอ้างอิง
กิตติ อินทรกุล. (2553). ปัญหา อุปสรรค และแนวทางในการนํานโยบายและแผนการป้องกันปราบปรามและแก้ไขปัญหาการค้าหญิงและเด็กไปสู่การปฏิบัติ.ภูเก็ต: สํานักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดภูเก็ต
คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด. (2562). แผนการป้องกัน ปราบปรามยาเสพติด.กรุงเทพ ฯ: ผู้แต่ง
ชํานาญ จันทร์เรือง. (2536). บทบาทของทางราชการในการแก้ปัญหาโสเภณี: กรณีศึกษาเปรียบเทียบจังหวัดพะเยา และจังหวัดเชียงราย. กรุงเทพ ฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ประณยา ชัยรังษี เสน่ห์ จุ้ยโต และชินรัตน์ สมสืบ.(2556). การนํานโยบายการพัฒนาสังคมไปปฏิบัติ : กรณีศึกษา สํานักงานปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์.วารสารการจัดการสมัยใหม่, 11(2), 151-165
เพ็ญศิริ พันพา.(2550). กระบวนการเข้าสู่การค้ามนุษย์ กรณีกระบวนการค้าประเวณีพื้นที่อําเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย. ลําปาง: วิทยาลัยสหวิทยาการ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์ลําปาง.
วรรณภา วามานนท์. (2561). กระบวนการนโยบายสาธารณะในประเทศไทย.วารสารเกษมบัณฑิต, 19(ฉบับพิเศษ), 197-207.
ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและพยากรณ์ทางการเกษตร. (2560). การแพร่ระบาดของยาสเพติดในพื้นที่ และถิติการจับกุมคดียาเสพติดจังหวัดสุราษฎร์ธานี.สุราษฏร์ธานี: ผู้แต่ง
สํานักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด. (2560). สถิติการจับกุมยึดยาบ้าลักลอบลําเลียงปี 2560. กรุงเทพ ฯ: ผู้แต่ง.
สํานักงานตํารวจแห่งชาติ. (2560). การปฏิบัติงานของตํารวจยุคใหม่. กรุงเทพ ฯ: สํานักงาน ฯ.
สํานักงานเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. (2560). แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 พ.ศ. 2560-2564. กรุงเทพ ฯ: สํานักงาน ฯ.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของ สถาบันวิทยาการจัดการแห่งแปซิฟิค
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับสถาบันวิทยาการจัดการแห่งแปซิฟิค และคณาจารย์ท่านอื่นๆในสถาบันฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว
