พฤติกรรมนักท่องเที่ยวมุสลิมและปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดบริการ การท่องเที่ยวฮาลาลในประเทศไทย

บทคัดย่อ

การศึกษาในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อศึกษาพฤติกรรมนักท่องเที่ยวมุสลิม 2) เพื่อศึกษาความคิดเห็นที่มีต่อปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดบริการที่นักท่องเที่ยวมุสลิมใช้ 3) เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยส่วนบุคคลกับพฤติกรรมนักท่องเที่ยวมุสลิม และ 4) เพื่อเปรียบเทียบปัจจัยส่วนบุคคลและปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดบริการ โดยเก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างที่เป็นนักท่องเที่ยวมุสลิม ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานดอนเมือง และท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต จำนวน 400 คน และใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บข้อมูล สำหรับการวิเคราะห์ข้อมูลใช้สถิติร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย (Mean) และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) เพื่ออธิบายเกี่ยวกับพฤติกรรมนักท่องเที่ยว และใช้สถิติไคสแควร์ (Chi-square) และ One-way ANOVA เพื่อทดสอบสมมติฐานของการศึกษา

ผลการศึกษาด้านพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวมุสลิม พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่รับรู้ข้อมูลจากการโฆษณาผ่านเฟสบุ๊คที่ก่อให้เกิดความสนใจ/การตัดสินใจมาท่องเที่ยว (ร้อยละ 35.0) โดยใช้อินเทอร์เน็ตในการค้นหาข้อมูลด้วยตัวเอง (ร้อยละ 72.8) และมีการจัดการทริปผ่านบริษัทนำเที่ยว (ร้อยละ 39.3) ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เดินทางมาประเทศไทยเป็นครั้งแรก (ร้อยละ 47.8)  ซึ่งส่วนใหญ่เดินทางมากับเพื่อน (ร้อยละ 48.5) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการพักผ่อนหย่อนใจทางทะเล (ร้อยละ 75.7) และเกือบทั้งหมดระบุว่าหากมีโอกาสจะกลับมาเที่ยวซ้ำ (ร้อยละ 97.5)

ผลการศึกษาด้านความคิดเห็นที่มีต่อปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดบริการ พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามมีความคิดเห็นด้านราคามากที่สุด รองลงมามีความคิดเห็นด้านช่องทางการจัดจำหน่าย ด้านบุคลากร และด้านกระบวนตามลำดับ

ผลการการทดสอบสมมติฐาน พบว่า พฤติกรรมนักท่องเที่ยวที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับปัจจัยส่วนบุคคล ได้แก่ สถานภาพด้านเพศ อายุ การศึกษา อาชีพ รายได้ และสถานภาพ และยังพบว่าปัจจัยส่วนบุคคลทั้งหมดดังกล่าวมีความคิดเห็นต่อส่วนประสมทางการตลาดบริการแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ 0.05