การพัฒนารูปแบบการสอนอ่านวิชาการด้วยกลวิธีการอ่านแบบร่วมมือและกลยุทธ์การถามผู้เขียนเพื่อส่งเสริมความสามารถในการอ่านภาษาอังกฤษและการใช้กลยุทธ์การอ่านสำหรับนักศึกษาระดับปริญญาตรี

ผู้แต่ง

  • ทวีศักดิ์ ลินคำ คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร
  • วิสาข์ จัติวัตร์ คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร

คำสำคัญ:

การอ่านวิชาการ, กลยุทธ์การอ่านแบบร่วมมือและถามผู้เขียน, ความสามารถในการอ่าน, การใช้กลยุทธ์

บทคัดย่อ

การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อพัฒนาและหาประสิทธิภาพของรูปแบบการสอน อ่านวิชาการด้วยกลวิธีการอ่านแบบร่วมมือและกลยุทธ์การถามผู้เขียนให้ได้ตามเกณฑ์ 80/80 2) เปรียบเทียบความสามารถทางด้านการอ่านเพื่อความเข้าใจก่อนและหลังการใช้รูปแบบฯ 3) เปรียบเทียบความสามารถในการใช้กลยุทธ์ด้านการอ่านเพื่อความเข้าใจ และ 4) ศึกษาความคิดเห็น ของผู้เรียนต่อการใช้รูปแบบฯ 

กลุ่มตัวอย่างเป็นนักศึกษาคณะศึกษาศาสตร์ ชั้นปีที่ 2 มหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขต พระราชวังสนามจันทร์ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2561 ซึ่งได้มาโดยการสุ่มอย่างง่าย จานวน 30 คน โดยให้นักศึกษาเรียนด้วยรูปแบบที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น ใช้เวลาในการทดลองจานวน 12 สัปดาห์ สัปดาห์ละ 3 ชั่วโมง รวม 32 ชั่วโมง 

เครื่องมือทีใช้ในการวิจัยประกอบด้วย 1) รูปแบบและเครื่องมือประกอบการใช้รูปแบบ ได้แก่ คู่มือการใช้รูปแบบ แผนการจัดการเรียนรู้ของรูปแบบ 8 แผนการเรียนและแบบฝึก 2) แบบทดสอบวัดความสามารถในการอ่านเพื่อความเข้าใจ 3) แบบสำรวจการใช้กลวิธีการอ่าน 4) สมุดบันทึกการอ่าน 5) แบบสอบถามความคิดเห็นของผู้เรียนต่อรูปแบบฯ สถิติที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ ค่าเฉลี่ย ค่าร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การวิเคราะห์เนื้อหา และค่าทดสอบ (t-test) การวิจัยนี้ เป็นการวิจัยประเภทผสมผสานวิธี 

ผลการวิจัยได้ข้อมูลเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ ดังนี้ 

รูปแบบที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้นมี 5 องค์ประกอบ คือ หลักการ วัตถุประสงค์ การดาเนินงาน กระบวนการเรียนการสอน และการวัดประเมินผล เรียกว่า IAIAE Model มีการดาเนินการ 5 ขั้นคือ ขั้นตอนการเกริ่นนา (I) ขั้นตอนการปฏิบัติการอ่าน (A) ขั้นตอนการสรุปประเด็นสำคัญ ๆ ของแต่ละ บริบท (I), ขั้นตอนการประเมินและทบทวนสรุปบทอ่านทั้งหมด (A) และขั้นตอนการนากลยุทธ์การ อ่านเพื่อความเข้าใจจาก IAIAE MODEL ไปปรับใช้กับการอ่านกับบริบทอื่น ๆ เพื่อทาการขยายผล (E) ซึ่งรูปแบบได้รับการประเมินจากผู้เชี่ยวชาญ 5 คนว่าอยู่ในระดับดีมาก 

ผลการทดลองการใช้รูปแบบได้ข้อมูลเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ ดังนี้ 

  1. ประสิทธิภาพของรูปแบบมีค่า82.50/ 83.50 สูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้และคะแนนก่อนและหลังเรียนพบว่าคะแนนการทดสอบหลังเรียนของผู้เรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทาง สถิติที่ระดับ .05
  2. คะแนนความรู้ด้านการอ่านเพื่อความเข้าใจของกลุ่มตัวอย่างหลังเรียนด้วยรูปแบบสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่รับดับ.05
  3. ความสามารถในการใช้กลยุทธ์การอ่านเพื่อความเข้าใจและกลยุทธ์ด้านการอ่านหลังเรียนด้วยรูปแบบสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ.05
  4. นักศึกษามีความคิดเห็นต่อรูปแบบฯ อยู่ในระดับดีมาก

References

วิสาข์ จัติวัตร์. การสอนอ่านภาษาอังกฤษ. นครปฐม: คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร, 2543.

วัชรา เล่าเรียนดี. เทคนิคและยุทธวิธีพัฒนาทักษะการคิด การจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ. นครปฐม: โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยศิลปากร มหาวิทยาลัยศิลปากร, 2549.

ฤชวี ฉัตรวิริยาวงศ์. “การพัฒนารูปแบบการสอนอ่านแบบเน้นภาระงานบูรณาการการสอนอ่านเชิงกลยุทธ์ แบบร่วมมือและเทคนิคสแคมเปอร์เพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์แก่ผู้เรียนอาชีวศึกษา.” วิทยานิพนธ์ปริญญาดุษฎีบัณฑิต สาขาหลักสูตรและการสอน บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร, 2560.

หทัยชนก เงินดี. “การพัฒนารูปแบบการสอนอ่านเน้นภาระงานบูรณาการสอนอ่านใช้กลวิธีเน้นแบบวาทกรรมเพื่อส่งเสริมความสามารถทางการอ่านเพื่อความเข้าใจของนักศึกษาระดับปริญญาตรี.” วิทยานิพนธ์ปริญญาดุษฎีบัณฑิต สาขาหลักสูตรและการสอน บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร, 2559.

ชัยยงค์ พรมวงศ์ และคณะ.ระบบสื่อการสอน. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2520.

อัจฉรา วงศ์โสธร. (2539). เทคนิควิธีการสร้างข้อสอบภาษาอังกฤษเพื่อวัดและประเมินผลการใช้ภาษาเพื่อการสื่อสาร. กรุงเทพฯ: อักษรเจริญทัศน์ 2529.

วิชัย วงษ์ใหญ่. การพัฒนาหลักสูตรระดับอุดมศึกษา. กรุงเทพมหานคร: อาร์ แอนด์ ปรินท์, 2554.

อัจฉรา วงศ์โสธร. การทดสอบและประเมินผลการสอนภาษาอังกฤษ. กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2544.

Kagan, S. (1994). Cooperative Learning. San Clemente, CA: Resources for Teachers, Inc.

Johnson, D. W., & Johnson, R. (2001). Cooperative learning methods: A meta-analysis. Minneapolis: University of Minnesota, Cooperative Learning Center, Research Report.

Joyce, B., and Weil, M. Model of teaching. 5th ed. Boston: Allyn and Bacon, 1996.

Gunning, G. T. Assessing and Correcting Reading and Writing Difficulties. New York: Pearson Education, 2002.

Hutchinson, T. and Waters, A. (1987). English for Specific Purposes. UK: Cambridge University Press.

Reichenberg, M. (2014). Questioning the Author in a Scandinavian Context. L1-Educational Studies in Language and Literature, vol.14, p. 1-20. http://dx.doi.org/10.17239/L1ESLL-2014.01.03

Klingner, J. K., & Vaughn, S. (1999). Promoting reading comprehension, content learning, and English acquisition through collaborative strategic reading (CSR). The Reading Teacher,52, 738–747.

Klingner, J. K., Vaughn, S., Argu¨elles, M. E., Hughes, M. T., & Ahwee, S. (2004).Collaborative strategic reading: ‘‘Real world’’ lessons from classroom teachers. Remedial and Special Education,25, 291–302.

Klingner, J. K., Vaughn, S., & Boardman, A. (2007). Teaching reading comprehension to students with learning difficulties. New York, NY: Guilford.

Klingner, J. K., Vaughn, S., & Schumm, J. S. (1998). Collaborative strategic reading during social studies in heterogeneous fourth-grade classrooms. Elementary School Journal,99, 3–21.

Beck, Isabel L. & McKeown, Margaret G. (2006) Improving Comprehension with questioning the Author: A Fresh and Expanded View of a Powerful Approach. New York:

Downloads

เผยแพร่แล้ว

2021-07-16