ผลของการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค STAD ที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและเจตคติต่อวิชาคณิตศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5
คำสำคัญ:
เทคนิค STAD, ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน, เจตคติบทคัดย่อ
บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ก่อนและหลังได้รับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค STAD เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 หลังได้รับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค STAD กับเกณฑ์ร้อยละ 70 และศึกษาเจตคติต่อวิชาคณิตศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 หลังได้รับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค STAD กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนลาดบัวหลวงไพโรจน์วิทยา ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 ที่ได้มาโดยการสุ่มตัวอย่างแบบกลุ่ม (Cluster random sampling) 1 ห้องเรียน จำนวน 38 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค STAD แบบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์ และแบบวัดเจตคติต่อวิชาคณิตศาสตร์ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลคือ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบค่าที (Dependent samples t-test) และการทดสอบค่าที (One sample t-test)
ผลการวิจัยพบว่า 1) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์ของนักเรียนหลังได้รับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค STAD หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 2) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 หลังได้รับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค STAD สูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดร้อยละ 70 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 3) เจตคติต่อวิชาคณิตศาสตร์ของนักเรียนหลังได้รับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค STAD มีเจตคติที่ดีต่อวิชาคณิตศาสตร์ในระดับมากที่สุด
เอกสารอ้างอิง
Ahmah, N. (2013). The study of mathematics learning achievement and problem solving ability of prathomsuksa six students on the application by using Heuristic at Anuban Pattani School. (Master’s Thesis). Kasetsart University. Bangkok.
Inpoolwong, N. (2016). Learning achievement of mathematics, attitude towards mathematics and group working behaviors of Prathomsuksa VI students through cooperative learning STAD technique. (Master’s Thesis). Burapha University. Chonburi.
Joyce, B. R., Weil, M., & Calhoun, E. (2004). Models of teaching. Boston: Allyn and Bacon.
Khaemmani, T. (2020). Science of Teaching Pedagogy. (24th ed.). Bangkok: Chulalongkorn University Printing House.
Lerson, K. (2014). Mathematical learning management on linear equation with one variable by cooperative learning model: STAD for Mathayomsuksa I student Chachoengsao. (Master’s Thesis). Burapha University. Chonburi.
Maensanguan, S. (2013). Teaching behavior in mathematics 2. (2nd ed.). Bangkok: Ramknamhaeng Publishing.
Ministry of Education. (2017). Basic education curriculum B.E. 2551 [A.D. 2008]. Bangkok: The Agricultural Co-operative Federation of Thailand.
Munkham, S., & Munkham, O. (2002). 19 How to organize learning: to develop knowledge and skills. Bangkok: Parbpim limited company.
Nualsiri, P. (2019). The development of problemsolving ability and mathematics achievement of Mathayomsuksa 2 students based on Student Teams Achievement Division (STAD). (Master’s Thesis). Mahasarakham University. Mahasarakham.
Rangsiyanuphong, Ch. (2016). Development achievement, behavior of group work and attitude of studying mathematics in probability of students in mattayom 5/3 of Amphawan Witthayalai based on STAD. (Master’s Thesis). Silpakorn University. Bangkok.
Saokhammuangdee, P. (2019). The study of learning achievement mathematics of Prathomsuksa 6 students with the cooperative learning STAD technique. (Master’s Thesis). Silpakorn University. Bangkok.
Srisa-ard, B. (2017). Basic Research. (10th ed.). Bangkok: Suweeriyasan.
Sutthirak, Ch. (2018). 80 Learning Innovation of Child Center Learning. (8th ed.). Nonthaburi: P Balans Design and Printing.
Teacher Professional Development. (2012). Measure and evaluation of Mathematics. Bangkok: Se-ed Book Center.
Wejchayalak, N. (2018). Learning Management. Bangkok: Chulalongkorn University Printing House.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2022 สถาบันวิทยาการจัดการแห่งแปซิฟิค
อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของ สถาบันวิทยาการจัดการแห่งแปซิฟิค
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับสถาบันวิทยาการจัดการแห่งแปซิฟิค และคณาจารย์ท่านอื่นๆในสถาบันฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว
