สารัตถะของอุปลักษณ์มโนทัศน์ในวรรณกรรมพุทธธรรมของสมเด็จ พระพุทธโฆษาจารย์ (ป.อ.ปยุตฺโต)

ผู้แต่ง

  • พระครูปริยัติกิตติวิมล (พ.ม.บุญชู กิตฺติสาโร) คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา

คำสำคัญ:

สารัตถะ, อุปลักษณ์มโนทัศน์, วรรณกรรมพุทธธรรม

บทคัดย่อ

         งานวิจัยนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาลักษณะของการประกอบสร้างมโนอุปลักษณ์มโนทัศน์ในวรรณกรรมของสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป.อ.ปยุตฺโต) และเพื่อศึกษาสารัตถะของอุปลักษณ์มโนทัศน์ในวรรณกรรมพุทธธรรมของสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป.อ.ปยุตฺโต)  
         ผลกการวิจัยพบว่า
         จากการศึกษาสารัตถอุปลักษณ์มี 2 ระดับ ดังนี้ (1) ระดับโลกิยะ หมายถึง ธรรมสำหรับฆราวาสทั่วไปที่เป็นปัจเจกบุคคล เป็นสังคม เป็นรูปธรรมและนามธรรม ซึ่งได้แก่หลักศีลธรรมและจริยธรรม รวมทั้งข้อธรรม สำหรับการดำรงชีวิตอย่างมีความสุข ผู้ที่ต้องการจะอยู่ในโลกอย่างปลอดภัยและสงบสุขต้องปฏิบัติธรรมในระดับนี้ซึ่งมีหัวข้อธรรมมากมาย ดังตัวอย่างที่ว่า เด็กเป็นอนาคตของชาติได้ต้องอาศัยผู้ใหญ่และครูที่จะต้องสอน ต้องแนะนำ ดังนั้น เด็กต้องเรียนรู้โดยครูเป็นผู้สอน ท่านเปรียบให้เห็นว่า แท้ที่จริงครูนั่นแหละเป็นคนสร้างโดยผ่านเด็กนักเรียน และ (2) ระดับโลกุตตรธรรม คือ เมื่อใดธรรมทั้งหลายปรากฏแก่บุคคลผู้ประเสริฐผู้เพียรพยายามเพ่งพินิจอยู่เมื่อนั้นความสงสัยย่อมมลายไปเพราะมารู้เข้าใจถึงธรรมพร้อมทั้งเหตุของมัน เพราะได้รู้ถึงภาวะที่สิ้นไปแห่งปัจจัยทั้งหลาย ขจัดมารและเสนามารเสียได้ดั่งตะวันส่องฟ้าทอแสงจ้าอยู่ ฉะนั้น จากข้อความที่ว่า ธรรมะที่ละเอียดสำหรับผู้บางเบาจากกิเลสบ้างแล้ว โดยเน้นการปฏิบัติธรรมหรือในแง่ของความคิดเกี่ยวกับสัจธรรมที่เป็นสายกลางทั้งหมดตรงจุดเป้าหมายพอดีของการปฏิบัติสายกลางตามวิธีของสอุปาทิเสสนิพพานและอนุปาทิเสสนิพพาน
         ส่วนวิธีประกอบสร้างอุปลักษณ์มโนทัศน์นั้น พบว่า สมเด็จพระพระพุทธโฆษาจารย์ได้ใช้วิธีคิดเปรียบเทียบการเป็นอยู่ในชีวิตประจำวันของมนุษย์กับหลักธรรมคำสอนเบื้องต้นบ้าง กับหลักการปฏิบัติธรรมบ้าง  โดยเริ่มเปรียบที่ต้นทางเกี่ยวกับ ความเหมือน ความต่าง  ความขัดแย้ง ความคล้อยตามและความเป็นเหตุผลจนกระทั่งจบหรือสู่ปลายทาง
        ข้อค้นพบจากงานวิจัยคือ การใช้ประสบการณ์จริงที่ได้พบเห็นมาเป็นองค์ประกอบในการเผยแผ่ข้อธรรมโดยเสริมข้อคิดเห็นส่วนตัวและข้อคิดเห็นที่เป็นทฤษฎีประกอบแล้วจึงใช้อุปลักษณ์มโนทัศน์มาเปรียบเทียบให้เห็นชัดเจน และการใช้เนื้อเรื่องใด ท่านก็จักเลือกใช้ถ้อยคำแบบนั้น ถึงจะทำให้ผู้ฟังหรือผู้อ่านรู้และเข้าใจเนื้อเรื่องนั้นได้ง่ายขึ้น

เอกสารอ้างอิง

ณัฐพร พานโพธิ์ทองและคณะ, (2549) มองคัทลียาจ๊ะจ๋าจากมุมนักภาษา : เนื้อหาและกลวิธี. กรุงเทพฯ : โครงการเผยแพร่ผลงานวิชาการ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

พระพรหมคุณาภรณ์. (2538). วินัยเรื่องใหญ่กว่าที่คิด. กรุงเทพมหานคร:สำนักพิมพ์ ผลิธัมม์.

เลคอฟและจอห์นสัน. “(Lakoff and Johnson 1980: 3)”, อ้างในรัชนีย์ญา กลิ่นน้ำอม. (2551). อุปลักษณ์ที่นักการเมืองใช้:การศึกษาตามแนวอรรถศาสตร์ปริชานและวัจนปฏิบัติศาสตร์.ดุษฎีนิพนธ์ สาขาวิชาภาษาไทย อักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์หาวิทยาลัย.

วุฒินันท์ แก้วจันทร์เกตุ (2555).วิเคราะห์ถ้อยคำอุปลักษณ์เกี่ยวกับกิเลสในภาษาไทย. กรุงเทพฯ: คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.

ศรีวรา ผาสุขดี. (2558). อุปลักษณ์เชิงมโนทัศน์ใน ชีวิต ตามภาษารัสเซีย ตามแนวภาษาศาสตร์ ปริชาน. คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2020-12-14

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย