การพัฒนารูปแบบการบริหารจัดการศูนย์ออกกําลังกายโดยใช้แบบจำลอง 7-S McKinsey ในโรงพยาบาลศูนย์ของไทย
คำสำคัญ:
ศูนย์ออกกําลังกาย, การพัฒนาแบบจำลอง 7-S McKinsey, โรงพยาบาลศูนย์ของไทยบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนารูปแบบบริหารจัดการศูนย์ออกกําลังกายโดยใช้แบบจำลอง 7-S McKinsey ในโรงพยาบาลศูนย์ของไทย โดยมีกลุ่มตัวอย่าง คือ ผู้ที่มีส่วนร่วมในการบริหารจัดการศูนย์ออกกำลังกายในโรงพยาบาลศูนย์ของประเทศไทย ทั้งในระดับนโยบายและระดับปฏิบัติงาน จำนวน 76 คน ได้มาโดยการคัดเลือกแบบเฉพาะเจาะจง (purposive sampling) เครี่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถามที่นักวิจัยสร้างขึ้น โดยมีลักษณะเป็นอัตราส่วนประมาณค่า (rating scale) 6 ระดับ ตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือโดยการคำนวณค่าความสอดคล้อง IOC (Index of Item Objective Congruence) เพื่อหาค่าความแม่นตรงเชิงเนื้อหา (content validity) และหาค่าความเชื่อมั่น (reliability) โดยวิธีของ ครอนบาช (Cronbach’s Alpha Correlation Coefficient) วิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพ โดยวิธีวิเคราะห์เนื้อหา (content analysis) และวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณ โดยใช้สถิติค่าความถี่ (frequency) ค่าเฉลี่ย(mean) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (standard deviation) และค่าร้อยละ (percentage) ผลการวิจัยพบว่ารูปแบบบริหารจัดการศูนย์ออกกําลังกายในโรงพยาบาลศูนย์ของไทย ควรบริหารจัดการแบบบูรณาการทั้ง 7 องค์ประกอบของ 7-S McKinsey ประกอบไปด้วย กลยุทธ์องค์กร โครงสร้างองค์กร ระบบปฏิบัติการ บุคลากร ทักษะความรู้ความสามารถ รูปแบบการบริหารจัดการ และค่านิยมร่วม ที่ทุกศูนย์ออกกำลังกายควรเหมือนกันทั้งประเทศ เพื่อความมีระบบและสะดวกในการบริหารจัดการที่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ทั้งยังส่งผลให้ศูนย์ออกกำลังกายในโรงพยาบาลศูนย์แต่ละแห่งได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น ภายใต้บริบทที่มีความพิเศษของแต่ละศูนย์คือ การพัฒนาขององค์ประกอบย่อยในด้าน มีทักษะความรู้ความสามารถของบุคลากรในแต่ละศูนย์ รูปแบบการบริหารจัดการ และการมีค่านิยมร่วมกัน ให้มีความแตกต่างไปจากศูนย์ออกกำลังกายทั่วไปและทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อกลุ่มผู้รับบริการศูนย์ออกกำลังกายขององค์กรภาครัฐอีกด้วย
เอกสารอ้างอิง
คณะกรรมการอำนวยการจัดทำแผนพัฒนาด้านการสารณสุข. 2545. แผนพัฒนาสาธารณสุขในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 9 พ.ศ. 2544 - 2549. กรุงเทพ : โรงพิมพ์องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก
โรงพยาบาลเทพธารินทร์. (2559). ฟิตเนส. สืบค้นเมื่อ 13 พฤศจิกายน 2559 จาก http://www.thep
tarin.com/mede-health-solution/
สุชาติ อนันตะ. 2563. การบริหารจัดการภายในองค์กรกับการพัฒนาคุณภาพโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลในจังหวัดยะลา. วารสารวิทยาศาสตร์สุขภาพ มหาวิทยาลัยทักษิณ 2563; 2(2) 35-46.
มงคล วงษ์วุฒิศักดิ์. 2550. ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับความสำเร็จในการประกอบธุรกิจสปาเพื่อสุขภาพในเขตกรุงเทพมหานคร. วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาการจัดการทางการกีฬา, มหาวิทยาลัยมหิดล.
หลักการบัญชี. 2560. กิจการที่ไม่แสวงหากำไร: สมาคม นิติบุคคลอาคารชุด นิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร. สืบค้นเมื่อ 3 เมษายน 2560 จาก http://www.softbizplus.com/accounting-principles/589-ac1-10-non-profit-accounting/
American College of Sports Medicine. (2006). ACSM’S Health/ Fitness Facility Standards and Guidelines (2nd ed.). The United States of America: Human Kinetics.
Chmielewska, M., Stokwiszewski, J., Markowska, J., & Hermanowski, T. (2022). Evaluating Organizational Performance of Public Hospitals using the McKinsey 7-S Framework. BMC Health Services Research, 22(1), 1-12.
Dessler. 2006. A Framework for Human Resource Management. 4th ed. Upper Saddle River, New Jersey : Prentical-Hall.
Dixon, J., Belnap, C., Albrecht, C., & Lee, K. (2010). The importance of soft skills. Corporate finance review, 14(6), 35.
Masfi, A., Sukartini, T., & Hidayat, A. A. A. (2020). Performance improvement model utilizing the mckinsey 7S approach for public health centers in sampang regency of Indonesia. International Journal of Scientific and Technology Research, 9(3),5073-5076.
Miller, R. C., de los Santos, L. E. F., Schild, S. E., & Foote, R. L. (2014). Organizational Culture and Proton Therapy Facility Design at the Mayo Clinic. International Journal of Particle Therapy, 1(3), 671-681.
Nejad, T. A., Behbodi, M. R., & Ravanfar, M. M. (2015). Analyzing Organizational Structure based on 7s model of McKinsey. International Journal of Academic Research in Business and Social Sciences, 5(5), 43-55.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2022 สถาบันวิทยาการจัดการแห่งแปซิฟิค
อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของ สถาบันวิทยาการจัดการแห่งแปซิฟิค
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับสถาบันวิทยาการจัดการแห่งแปซิฟิค และคณาจารย์ท่านอื่นๆในสถาบันฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว
