การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โดยการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิค STAD และแบบสืบเสาะหาความรู้

ผู้แต่ง

  • วรางคณา เจริญรักษา สาขาวิชาการออกแบบการเรียนการสอน มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา
  • วิภาดา ประสารทรัพย์ สาขาวิชาการออกแบบการเรียนการสอน มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา

คำสำคัญ:

ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน, การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ, เทคนิค STAD, การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้

บทคัดย่อ

            การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2  ที่ได้การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิค STAD และ แบบสืบเสาะหาความรู้ 2) เพื่อศึกษาความพึงพอใจต่อวิชาวิทยาศาสตร์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2   ที่ได้การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิค STAD และ แบบสืบเสาะหาความรู้ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2/1 จำนวน 31 คน และ ประถมศึกษาปีที่ 2/4 จำนวน 31 คน  โรงเรียนประชาบำรุง สำนักงานเขตหนองแขม  จังหวัดกรุงเทพมหานคร  ที่กำลังศึกษาอยู่ในภาคเรียนที่ 2  ปีการศึกษา 2562  ได้มาโดยการใช้ห้องเรียนเป็นการสุ่ม (Cluster Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการทดลอง ได้แก่ 1) แผนการจัดการเรียนรู้วิชาวิทยาศาสตร์โดยการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิค STAD จำนวน 2 เรื่อง แสงกับสิ่งมีชีวิต และ ดินรอบตัว 2) แผนการจัดการเรียนรู้วิชาวิทยาศาสตร์โดยการจัดการเรียนรู้ แบบสืบเสาะหาความรู้ จำนวน 2 เรื่อง แสงกับสิ่งมีชีวิต และ ดินรอบตัว 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์การเรียน เรื่อง แสงกับสิ่งมีชีวิต และ ดินรอบตัว 4) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อวิชาวิทยาศาสตร์

          ผลการวิจัย พบว่า 1) การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิค STAD สูงกว่าผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05  2) คะแนนความพึงพอใจต่อการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ที่ได้การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิค STAD โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ในขณะที่คะแนนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ที่ได้การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ โดยรวมอยู่ในระดับปานกลาง เท่านั้น

เอกสารอ้างอิง

กระทรวงศึกษาธิการ, สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (2560). แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2560-2579. กรุงเทพฯ: พิมพลักษณ์.

กระทรวงศึกษาธิการ. (2542). พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พุทธศักราช 2542 .กรุงเทพฯ: บริษัทสยามสปอรต์ ซินดิเคท จำกัด

จิราภรณ์ พรมสืบ. (2559). การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ด้วยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือโดยเทคนิคแบ่งกลุ่มคละ ผลสัมฤทธิ์(STAD) รายวิชาวิทยาศาสตร์ หน่วยการเรียนรู้ เรื่อง สารละลายกรดและเบส. วิทยานิพนธ์ วท.ม. (เคมีศึกษา). ชลบุรี: มหาวิทยาลัยบูรพา

ชยปภา ทยาพัชร. (2559) การศึกษาผลสัมฤทธิ์และความพึงพอใจในการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD เรื่อง ตัวประกอบของจำนวนนับ ชั้นประถมศึกษาปี ที่ 6. วิทยานิพนธ์การสอน วิทยาศาสตร์ (การศึกษาศาสตร์มหาบัณฑิต). มหาสารคาม : มหาวิทยาลัยรามคำแหง มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.

อริยาภรณ์ ขุนปักษี. (2561) การพัฒนาชุดกิจกรรมวิชาวิทยาศาสตร์โดยใช้เทคนิคการเรียนรู้แบบ ร่วมมือ เพื่อส่งเสริมการเรียนร้วิชาวิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปี ที่ 4. วิทยานิพนธ์ ศษ.ม. (หลักสูตรและการสอน). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์

Bruner, Jerome S. 1963. The Process of Education. New York : Harvard University Press Vintage

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2022-06-02

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย