การพัฒนารูปแบบระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน โรงเรียนซับสมบูรณ์พิทยาลัย องค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น
คำสำคัญ:
การพัฒนารูปแบบ, ระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน, การประเมินแบบเสริมพลังบทคัดย่อ
การพัฒนารูปแบบระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน โรงเรียนซับสมบูรณ์พิทยาลัย องค์การบริหารส่วนจังหวัด มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาสภาพการดำเนินงานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนและความต้องการพัฒนาตนเองของบุคลากรทางการศึกษาด้านการดำเนินงานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน 2) เพื่อพัฒนารูปแบบระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน 3) เพื่อทดลองใช้รูปแบบระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน กลุ่มตัวอย่างในการวิจัย คือ บุคลากรที่เกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษาของโรงเรียนซับสมบูรณ์พิทยาลัย จำนวน 102 คน การเก็บรวบรวมข้อมูลใช้การสอบถาม การสัมภาษณ์ การวิเคราะห์เอกสาร การสังเกตแบบมีส่วนร่วม และการบันทึกข้อมูลการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณใช้สถิติการบรรยาย ได้แก่ การแจกแจงความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ยส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่ามัธยฐาน ค่าพิสัยระหว่างควอไทล์ สถิติอนุมาน ได้แก่ การทดสอบด้วยค่าที ส่วนข้อมูลเชิงคุณภาพใช้การวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) ผลการวิจัย พบว่า
ตอนที่ 1 สภาพระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน โรงเรียนซับสมบูรณ์พิทยาลัย
ผลการวิเคราะห์ข้อมูล สรุปได้ว่า หลักการเบื้องต้นของระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนด้านกระบวนการ ประกอบด้วย 3 มิติ คือ มิติคุณลักษณะหรือเกณฑ์ที่ประเมิน มิติลักษณะหรือขั้นตอน ระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน และมิติขั้นตอนการประเมินแบบเสริมพลัง ผลการศึกษาสภาพระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน พบว่า สภาพระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน ที่ดำเนินการต่อเนื่องของโรงเรียนซับสมบูรณ์พิทยาลัย มีการรู้จักนักเรียนเป็นรายบุคคล สูงที่สุดและมีการระบุรายละเอียดที่จะประเมินและมิติการประเมินที่ครอบคลุมต่ำที่สุด สภาพระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน ที่ดำเนินการไม่ต่อเนื่องของโรงเรียนซับสมบูรณ์พิทยาลัย มีการดำเนินงานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนไม่ต่อเนื่องในเรื่องมีการป้องกัน ช่วยเหลือและแก้ไขปัญหานักเรียน ผลการศึกษาความต้องการในการพัฒนาตนเองเกี่ยวกับระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน พบว่า บุคลากรมีความต้องการพัฒนาตนเองในการดำเนินงานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน
ตอนที่ 2 การพัฒนารูปแบบระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน
ผลการตรวจสอบประสิทธิภาพด้านความเหมาะสมของโครงสร้างของรูปแบบ 5 องค์ประกอบหลักและองค์ประกอบย่อยมีความเหมาะสมในระดับมากที่สุด และความเห็นของผู้เชี่ยวชาญมีความสอดคล้องกัน เมื่อพิจารณาองค์ประกอบย่อย ด้านความเหมาะสม ความเป็นไปได้ ความชัดเจน และความง่ายต่อการนำไปใช้มีประสิทธิภาพอยู่ในระดับมากถึงมากที่สุด โดยผู้เชี่ยวชาญมีความคิดเห็นสอดคล้องกันทุกประเด็น
ตอนที่ 3 การทดลองใช้รูปแบบระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน ตามแนวคิดการประเมินแบบเสริมพลัง (empowerment evaluation) พบว่า
3.1 ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน ก่อนและหลังการทดลองใช้รูปแบบ พบว่าบุคลากรมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน หลังการพัฒนา สูงกว่าก่อนการพัฒนาอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
3.2 เจตคติต่อระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน ก่อนและหลังการทดลองใช้รูปแบบ พบว่า ผู้เข้ารับการอบรมมีค่าเฉลี่ยเจตคติต่อระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน หลังการพัฒนาสูงกว่าก่อนการพัฒนาอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
เอกสารอ้างอิง
กรมวิชาการ. (2545). เอกสารระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน ในโรงเรียนสังกัดกรมสามัญศึกษาฉบับ
เจริญ ภักดีวานิช. (2546). งานวิชาการเป็นหัวใจของการปฏิรูปการศึกษา. วิทยานิพนธ์ :มหาวิทยาลัยศิลปากร.
เดชา สารมานิตย์. (2556). การพัฒนาการดำเนินงานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนโรงเรียนบ้านนาสีนวลสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสกลนคร เขต 2. การศึกษาค้นคว้าอิสระ กศ.ม. มหาสารคาม : มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
ชนม์ชกรณ์ วรอินทร์. (2549). การพัฒนารูปแบบการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาระดับการผู้บริหาร. กรุงเทพฯ : คุรุสภาลาดพร้าว,.ศึกษาขั้นพื้นฐาน : การประเมินแบบเสริมพลัง. ดุษฎีนิพนธ์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.
เดชา สารมานิตย์. (2556). การพัฒนาการดำเนินงานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนโรงเรียนบ้านนาสีนวล สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสกลนคร เขต 2. การศึกษาค้นคว้าอิสระ กศ.ม. มหาสารคาม : มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
เทวาฤทธิ์ ผุยวันดี. (2554). ปัญหาและแนวทางการพัฒนาการดำเนินงานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียนบ้านคลองสิบสาม สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสระแก้ว เขต 1 . เข้าถึงเมื่อ 25 พฤศจิกายน 2560. เข้าถึงได้จาก htt://www.school.obec.go.th/tanonnoi/doc/opaso2.doc.
นิรันดร์ จำปาเจียม. (2560). แนวทางการพัฒนาระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนโรงเรียนสักสันเชียงใหม่วิทยาคม สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต 4. เข้าถึงเมื่อ 14 พฤศจิกายน. เข้าถึงได้ จาก htt://www.kroobannok.com/.
ผ่องศรี แก้วชูเสน และคณะ. (ไม่ปรากฏปี พ.ศ.). การพัฒนารูปแบบการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา โดยใช้การประเมินแบบเสริมพลัง สำหรับวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยี. เข้าถึงเมื่อ 20 พฤศจิกายน. เข้าถึงได้จากhtt://www.yru.ac.th/e-journal/file/pongsee/old_184.doc.
มณีรัตนา โนนหัวรอ. (2557). การพัฒนารูปแบบการประเมินแบบเสริมพลังอำนาจเพื่อเพิ่มสมรรถนะด้านการวัดและประเมินผลการศึกษาของครูประจำการ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปราจีนบุรี เขต 2. ปริญญานิพนธ์ (กศ.ด.) บัณฑิตวิทยาลัย. มหาวิทยาศรีนครินทรวิโรฒ.
วีระพงษ์ วันทา. (2555). ผลการดำเนินงานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนของข้าราชการครูในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 29 (อุบลราชธานี – อำนาจเจริญ). วิทยานิพนธ์ ครุศาสตรมหาบัณฑิต : มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี.
ศิริชัย กาญจนวาสี. (2547). ทฤษฎีการประเมิน. พิมพ์ครั้งที่ 4. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
สาธิดา สกุลรัตนกุลชัย. (2554). การประเมินแบบเสริมพลังในการเรียนการสอนแบบสตูดิโอทางสถาปัตยกรรม. SDU Research Journal, 7(2): 143-151. กรรมการวิจัยแห่งชาติ.
สุนันท์ โพธิบาย. (2555). การประเมินผลระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนในโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาหนองบัวลำภู เขต 1. การศึกษาค้นคว้าอิสระ กศ.ม. มหาสารคาม : มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
สํานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ. (2554). แนวทางการบริหารจัดการเรียนรู้สู่ประชาคมอาเซียน.กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ชุมชนสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทยจํากัด.
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ. (2543). พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542. กรุงเทพฯ : พริกหวาน กราฟฟิค จำกัด.
อวยชัย ศรีตระกูล. (2556). การพัฒนารูปแบบการบริหารระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนในสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถม. ปริญญาการศึกษาดุษฎีบัณฑิต มหาวิทยาลัยนเรศวร.
Fetterman, D.M. (1994). Empowerment Evaluation. Evaluation Practice, 15(1) : 1–15.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2022 สถาบันวิทยาการจัดการแห่งแปซิฟิค

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของ สถาบันวิทยาการจัดการแห่งแปซิฟิค
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับสถาบันวิทยาการจัดการแห่งแปซิฟิค และคณาจารย์ท่านอื่นๆในสถาบันฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว
