ตามรอยศาสตร์พระราชาสู่โคกหนองนาในชุมชนท้องถิ่นอย่างยั่งยืน ของนักศึกษาชั้นปีที่ 1 สาขาสังคมศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ
คำสำคัญ:
ศาสตร์พระราชา, การเรียนรู้แบบโครงงานบูรณาการ, โคกหนองนาโมเดล, ชุมชนท้องถิ่นบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อพัฒนาและเสริมสร้างการเรียนรู้ศาสตร์พระราชาปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้วยการเรียนรู้แบบโครงงานบูรณาการ (Project Integration Learning :PIL)ในศูนย์การเรียนรู้ศาสตร์พระราชามหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ 2) เพื่อศึกษาแนวทางการนำปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงสู่การฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานรากของชุมชนท้องถิ่นอย่างยั่งยืน ในรูปแบบโคกหนองนาของผู้ประกอบการที่พึ่งพาตนเองและช่วยเหลือสังคมได้ ประชากรกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ นักศึกษาชั้นปีที่1 สาขาสังคมศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษจำนวน 30 คน และผู้ประกอบการที่นำปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงสู่การฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานรากของชุมชนท้องถิ่นอย่างยั่งยืน ในรูปแบบโคกหนองนาจำนวน 10 คน รูปแบบการวิจัยใช้การวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative research) เก็บรวบรวมข้อมูลจากการการเรียนรู้ศาสตร์พระราชาปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้วยการเรียนรู้แบบโครงงานบูรณาการ (Project Integration Learning :PIL) การสัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth interview) จากผู้ให้ข้อมูลสำคัญ (Key informants) และการสนทนากลุ่ม (Focus group discussion)
ผลการศึกษาพบว่า
1) การเรียนรู้ศาสตร์พระราชาปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้วยการเรียนรู้แบบโครงงานบูรณาการ (Project Integration Learning :PIL)ของนักศึกษา ประกอบด้วยขั้นตอนการเรียนรู้ดังนี้ 1)การกำหนดหัวเรื่อง 2) การทำผังคำถาม 3)การสืบค้น สรุปองค์ความรู้และสร้างชิ้นงาน 4) การประเมินผลการเชื่อมโยงบูรณาการ 5) การจัดทำแฟ้มสะสมผลงาน 6) การนำเสนอต่อสาธารณชน ตามลำดับจากศูนย์การเรียนรู้ศาสตร์พระราชาของมหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ การศึกษาพบว่า แนวทางการนำปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงสู่การฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานรากของชุมชนท้องถิ่นอย่างยั่งยืน ประกอบด้วย โครงการส่งเสริมการแปรรูปหอมแดงให้เป็นชาหอมแดง โครงการส่งเสริมการทำสบู่สมุนไพร โครงการส่งเสริมการแปรรูปทุเรียนด้วยอาศัยเทคนิคและกระบวนการต่าง ๆ โครงการส่งเสริมการผลิตปุ๋ยอินทรีย์อัดเม็ด เสื่อหนามเตย ปลาร้าสมุนไพร ข้าวหลามทรงเครื่อง และผลิตภัณฑ์จากปลาสด โครงการส่งเสริมและยกระดับผลิตภัณฑ์ชุมชนน้ำนัวสำเร็จรูป โครงการพัฒนาส่งเสริมและแปรรูปพืชเศรษฐกิจ เป็นต้น
2) แนวทางการนำปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงสู่การฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานรากของชุมชนท้องถิ่นอย่างยั่งยืน ในรูปแบบโคกหนองนาโมเดลของผู้ประกอบการที่พึ่งพาตนเองและช่วยเหลือสังคม เป็นการทำการเกษตรที่เน้นการพึ่งพาตนเอง เป็นการสร้างและพัฒนาพื้นที่เกษตรกรรมของตนให้มีความพร้อมที่จะเป็นแหล่งผลิตอาหารและเตรียมพร้อมที่จะรับมือการ การเปลี่ยนแปลงจากโลกภายนอก ไม่ว่าจะเป็น ภาวะวิกฤตเศรษฐกิจ ถึงแม้จะไม่มีรายได้จากการจําหน่ายผลผลิต แต่เกษตรกรก็ยังมีอาหารที่เพียงพอต่อการบริโภค หรือจะเป็นภาวะความแห้งแล้ง ฝนไม่ตกตามฤดูกาล เกษตรกรก็ ยังคงมีแหล่งน้ำในพื้นที่ของตนที่สามารถใช้ประโยชน์ได้ นอกจากนี้ ป่าไม้มีอยู่ ยังช่วยสร้างความอุดมสมบูรณ์กลับ คืนให้แก่ธรรมชาติ เป็นแหล่งอาหารของสัตว์ชนิดต่างๆ สร้างความสมดุลให้แก่ธรรมชาติและมนุษย์ ให้สามารถใช้ ชีวิตร่วมกันได้อย่างเกื้อกูลทำให้คนในชุมชนสามารถกลับพึ่งพาตนเอง มีของกิน ของใช้ และที่อยู่อาศัยเท่านั้น หากแต่ยังทำให้สภาพแวดล้อมทั้งดินและน้ำดีขึ้น มีอากาศที่บริสุทธิ์ โดยทุกคนสามารถนำไปปรับใช้ได้พื้นที่สังคมเมืองและสังคมชนบทเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน
เอกสารอ้างอิง
กรมการพัฒนาชุมชน. (2563). วิสัยทัศน์/พันธกิจ/ยุทธศาสตร์. สืบค้นเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม2564 เข้าถึงได้จาก https://www.cdd.go.th
ชยุต อินทร์พรหม. (2561). เศรษฐกิจพอเพียงกับการเกษตรทฤษฎีใหม่ประยุกต์ ทํานา 1 ไร่ ได้ 1. แสนวารสารพัฒนาสังคม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์, 20(2), 1-15.
นิสากร กรุงไกรเพชร, อริสรา ฤทธิ์งาม และ ชรัญญากร วิริยะ. (2559). รูปแบบการขับเคลื่อนชุมชนสุขภาวะที่ท่ามะนาว. วารสารพยาบาล มหาวิทยาลัยบูรพา, 24(3). 34-46.
พระครูศรีปริยัตยารักษ์ (ประสงค์ กิตติปญโญ). (2560). รูปแบบการสร้างเครือข่ายหมู่บ้านรักษาศีล 5เพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนจังหวัดนครราชสีมา.ปริญญานิพนธ์ การศึกษาดุษฎีบัณฑิต, มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
พระฐาปกรณ์ รตนโชโต (สุปัญญารัตน์). (2561). รูปแบบการผลิตและการจัดการการเกษตรแบบพอเพียงกับดุลยภาพชีวิตของเกษตรกรในจังหวัดบุรีรัมย์. ปริญญานิพนธ์ การศึกษาดุษฎีบัณฑิต,มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
พระณรงค์เดช อธิมุตโต (เดชาดิลก), (2560). รูปแบบการพัฒนาศูนย์การเรียนรู้โรงเรียนวิถีพุทธ. ปริญญานิพนธ์ การศึกษาดุษฎีบัณฑิต, มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
พระปลัดธนากร สนุตมโน (เพราะถะ), (2561). ได้ศึกษารูปแบบการพัฒนาชุมชนแบบมีส่วนร่วมเชิงพุทธของเทศบาลเมืองวังสะพุง จังหวัดเลย. ปริญญานิพนธ์ การศึกษาดุษฎีบัณฑิต, มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
มูลนิธิชัยพัฒนา. (2542).ทฤษฎีใหม่. สืบค้นเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2564เข้าถึงได้จาก https://www.chaipat.or.th
ไม่ปรากฏผู้แต่ง. (2559). การกักเก็บน้ําในโคก หนอง นา โมเดล ตัวอย่าง 10 ไร่. สืบค้นเมื่อวันที่20 พฤษภาคม 2563 เข้าถึงได้จาก www.monmai.com
รัชนีวรรณ จีนธรรม, ปัณณ์รภัส ถกลภักดี และอรวรรณ ภัสสรศิริ. (2561). การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้สิ่งแวดล้อมตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของเครือข่ายกสิกรรม ธรรมชาติ. วารสาร มจร พุทธปัญญาปริทรรศน์ มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ในพระบรม ราชูปถัมภ์ 3(2). สืบค้นเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2564 เข้าถึงได้จาก dhttps://so03.tcithaijo.org/index.php/jmbr/article/download/148190/109077/
วิวัฒน์ ศัลยกําธร. (2562). ชุดถอดคําครู : วิชาหลักกสิกรรมธรรมชาติ. สืบค้นเมื่อวันที่20 พฤษภาคม 2564 เข้าถึงได้จาก https://pubhtml5.com/vrrw/amiu/basic.
สํานักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดําริ (สํานักงาน กปร.). (2552). เศรษฐกิจพอเพียงแนวคิดสู่การประยุกต์ใช้ที่ยั่งยืน. (พิมพ์ครั้งที่ 1)กรุงเทพฯ. บริษัท เอเชีย แปซิฟิค ออฟเซ็ท จํากัด
สํานักงานพัฒนาพื้นที่ปฏิรูปที่ดิน (ไม่ปรากฏปีที่พิมพ์). แนวทางการพึ่งตนเองในการจัดเก็บน้ําระดับไร่นาตามแนวทางศาสตร์พระราชา ในเขตปฏิรูปที่ดิน. สํานักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์, 6 - 12.
สํานักเสริมสร้างความเข้มแข็งชุมชน กรมการพัฒนาชุมชน. (2563). แนวทางการดําเนินงานโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ประยุกต์สู่ โคก หนอง นา โมเดล. สืบค้นเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2564 เข้าถึงได้จาก https://roiet.cdd.go.th/wpcontent/uploads/sites/48/2020/08.compressed.pdf.
สุภาวดี ขุนทองจันทร์. (2541). เพิ่มทุนมนุษย์ด้วย “จิตสาธารณะ”. วารสารสังคมพัฒนา มหาวิทยาลัยบูรพา, 36(4), 63-70.
อัษฎาวุฒิ พฤฒิวรวงศ์. (2563). การน้อมนําปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงประยุกต์สู่ “โคก หนอง นาโมเดล”. สืบค้นเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2564 เข้าถึงได้จาก http://www3.ru.ac.th/mpaabstract/files/256316298601726214832046.pdf
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2023 สถาบันวิทยาการจัดการแห่งแปซิฟิค

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของ สถาบันวิทยาการจัดการแห่งแปซิฟิค
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับสถาบันวิทยาการจัดการแห่งแปซิฟิค และคณาจารย์ท่านอื่นๆในสถาบันฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว
