การพัฒนาทักษะปฏิบัติด้านทัศนศิลป์เชิงสร้างสรรค์ โดยประยุกต์ใช้แนวคิดของเดวีส์สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2
Main Article Content
บทคัดย่อ
งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้ทักษะปฏิบัติด้านทัศนศิลป์เชิงสร้างสรรค์ โดยประยุกต์ใช้แนวคิดของเดวีส์สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ที่เรียนด้วยการพัฒนาทักษะปฏิบัติด้านทัศนศิลป์เชิงสร้างสรรค์ โดยประยุกต์ใช้แนวคิดของเดวีส์กับเกณฑ์ร้อยละ 80 ของคะแนนเต็ม 3) เพื่อศึกษาทักษะปฏิบัติด้านทัศนศิลป์เชิงสร้างสรรค์ โดยประยุกต์ใช้แนวคิดของเดวีส์ กับเกณฑ์ร้อยละ 70 ของคะแนนเต็ม 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ที่มีต่อการกิจกรรมการเรียนรู้ทักษะปฏิบัติด้านทัศนศิลป์เชิงสร้างสรรค์ โดยประยุกต์ใช้แนวคิดของเดวีส์ กลุ่มเป้าหมายได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนโพนงามโคกวิทยาคาร ตำบลบ้านแป้น อำเภอโพนนาแก้ว จังหวัดสกลนคร จำนวน 9 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แผนการจัดการเรียนรู้ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ซึ่งเป็นแบบปรนัยชนิดเลือกตอบ 3 ตัวเลือก แบบประเมินทักษะปฏิบัติด้านทัศนศิลป์เชิงสร้างสรรค์ และแบบสอบถามความพึงพอใจสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและร้อยละ
ผลการวิจัย พบว่า 1) การพัฒนาทักษะปฏิบัติด้านทัศนศิลป์เชิงสร้างสรรค์ โดยประยุกต์ใช้แนวคิดของเดวีส์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 มีประสิทธิภาพเท่ากับ 80.10/85.56 2) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ที่เรียนด้วยการพัฒนาทักษะปฏิบัติด้านทัศนศิลป์เชิงสร้างสรรค์ โดยประยุกต์ใช้แนวคิดของเดวีส์ หลังเรียนสูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ 80 3) ทักษะปฏิบัติด้านทัศนศิลป์เชิงสร้างสรรค์โดยประยุกต์ใช้แนวคิดของเดวีส์ด้วยกิจกรรมการเรียนรู้ที่พัฒนาขึ้นอยู่ในระดับร้อยละ 75.89 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดคือร้อยละ 70 และ 4) ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการพัฒนาทักษะปฏิบัติด้านทัศนศิลป์เชิงสร้างสรรค์ โดยประยุกต์ใช้แนวคิดของเดวีส์ โดยภาพรวมอยู่ในระดับพึงพอใจมาก
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
1. บทความที่ลงตีพิมพ์ทุกเรื่องได้รับการตรวจทางวิชาการโดยผู้ประเมินอิสระ ผู้ทรงคุณวุฒิ (Peer Review) สาขาที่เกี่ยวข้อง อย่างน้อย 3 ท่าน ในรูปแบบ Double blind review
2. ข้อคิดเห็นใด ๆ ของบทความที่ลงตีพิมพ์ในวารสารมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม นี้เป็นของผู้เขียน คณะผู้จัดทำวารสารไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
3. กองบรรณาธิการวารสารมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม ไม่สงวนสิทธิ์การคัดลอกแต่ให้อ้างอิงแสดงที่มา
เอกสารอ้างอิง
กระทรวงศึกษาธิการ. (2553). แนวการจัดทำแผนการ เรียนรู้หลักสูตรประถมศึกษาและมัธยมศึกษาฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2533. กรุงเทพฯ : คุรุสภาลาดพร้าว.
เกศรา เพิ่มพูล วนิดา ผาระนัด และพิทยวัฒน์ พันธะศรี. (2565). การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้ทักษะปฏิบัตินาฏศิลป์ ฟ้อนเสน่ห์สาวเมืองพลตามแนวคิดของเดวีส์ สำหรับนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4. วารสารมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม, 16(2), 171-183.
ชายไทย วงค์จรัส. (2561). การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้ทักษะปฏิบัติตามแนวคิดของเดวีส์ เรื่อง การเรียนรู้ทัศนธาตุในงานทัศนศิลป์กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 (วิทยานิพนธ์ปริญญาครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาาหลักสูตรและการเรียนการสอน), มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม, มหาสารคาม.
ทิศนา แขมมณี. (2561). ศาสตร์การสอน:องค์ความรู้เพื่อการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ.กรุงเทพ: สำนักพิมพ์แห่งจุลาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ประสพสุข ฤทธิเดช. (2557). รายวิชาปรัชญาการศึกษาและความเป็นครู. มหาสารคาม : มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม.
เปล่งศักดิ์ แสงป้อม และเก็ตถวา บุญปราการ. (2567). ปัจจัยที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาศิลปะ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น โรงเรียนเขาแดงกุศลวิทยา อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา. วารสารมจร อุบลปริทรรศน์, 9(2), 1531-1540.
พัชรดนัย ห้าวหาญ. (2554). การพัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์ เรื่อง หลักการสร้างสรรค์งานทัศนศิลป์ ประเภท จิตรกรรมสำหรับนักเรียนช่วงชั้นที่ 3 ระดับชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 1 (วิทยานิพนธ์ปริญญาการศึกษามหาบัณฑิต สาขาคอมพิวเตอร์ศึกษา) มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, กรุงเทพฯ.
อมรรัตน์ พันธะศรี. (2561). การพัฒนารูปแบบการกิจกรรมการเรียนรู้ตามทักษะปฏิบัติของเดวีส์ เพื่อพัฒนาทักษะการวาดภาพระบายสี ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4. ร้อยเอ็ด: โรงเรียนเทศบาลวัดเวฬุวัน.