แนวทางการสนับสนุนทางสังคมของผู้บริหารสตรี สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา ในจังหวัดหนองบัวลำภู
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสภาพการสนับสนุนทางสังคมของผู้บริหารสตรี สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาในจังหวัดหนองบัวลำภู 2) ศึกษาแนวทางการสนับสนุนทางสังคมของผู้บริหารสตรี ใช้ระเบียบวิธีวิจัยแบบผสมผสาน (Mixed Methods Research) โดยแบ่งการวิจัยออกเป็น 2 ระยะ ได้แก่ ระยะที่ 1 ศึกษาสภาพการสนับสนุนทางสังคมของผู้บริหารสตรี สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาในจังหวัดหนองบัวลำภู กลุ่มตัวอย่าง คือ ผู้บริหารโรงเรียน จำนวน 180 คน ได้มาจากการสุ่มตัวอย่างแบบแบ่งชั้น เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถามแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ มีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.99 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้โปรแกรมสถิติสำเร็จรูป ทางสังคมศาสตร์ โดยการหาค่าเฉลี่ย () และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) ผลการวิจัยพบว่า สภาพการสนับสนุนทางสังคมของผู้บริหารสตรี โดยรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ด้านให้การประเมินผล อยู่ในระดับมาก ส่วนด้านอื่นๆ ได้แก่ ด้านข้อมูลข่าวสาร ด้านทรัพยากรการบริหาร และด้านอารมณ์ อยู่ในระดับปานกลาง ระยะที่ 2 ศึกษาแนวทางการสนับสนุนทางสังคมของผู้บริหารสตรี สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาในจังหวัดหนองบัวลำภู โดยใช้วิธีการสัมภาษณ์เชิงลึก ผู้ให้สัมภาษณ์ คือ ผู้บริหารระดับเขตพื้นที่การศึกษา ศึกษานิเทศก์ ผู้บริหารสถานศึกษา และครูผู้สอน รวมจำนวน 12 คน วิเคราะห์ข้อมูลโดยการวิเคราะห์เนื้อหา และตรวจสอบคุณภาพของข้อมูลโดยใช้เทคนิคสามเส้า ผลการวิจัยพบว่า มีแนวทางการสนับสนุนทางสังคมของผู้บริหารสตรีในด้านอารมณ์ มี 2 แนวทาง คือ การปฏิบัติตนต่อผู้บริหารสตรี และให้การเสริมแรงให้ผู้บริหารสตรี
Article Details
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงตีพิมพ์ในวารสารวิชาการวิทยาลัยสันตพล ถือว่าเป็นข้อคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรง ซึ่งกองบรรณาธิการวารสารไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยหรือรับผิดชอบใดๆ
References
กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว. (2560). ยุทธศาสตร์การพัฒนาสตรี พ.ศ. 2560-2564. กรุงเทพฯ:กรมฯ.
ชวนพิศ บุญพา. (2559). การรับรู้การสนับสนุนทางสังคมในที่ทำงานของครูผู้ดูแลเด็กศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก สังกัดองค์การ บริหารส่วนตำบลบ้านแดง อำเภอพิบูลย์รักษ์ จังหวัดอุดรธานี. วิทยานิพนธ์ปริญญาครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี.
บุญชม ศรีสะอาด. (2545). การวิจัยเบื้องต้น ฉบับปรับปรุง. กรุงเทพฯ : สุวีริยาสาส์น.
บุญชม ศรีสะอาด. (2556). วิธีการทางสถิติสำหรับการวิจัย เล่ม 1. พิมพ์ครั้งที่ 5. กรุงเทพฯ : สุวีริยาสาส์น.
วริศรา บัวโต. (2556). ความไม่เสมอภาคและการเลือกปฏิบัติต่อสรีไทยตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550. วิทยานิพนธ์ปริญญารัฐศาสตรหาบัณฑิต สาขาวิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง.
วิระดา สมสวัสด์. (2549). ทีทรรศน์สตรีนิยม. เชียงใหม่ : วนิดาเพรส.
แสงวุฒิ แสนสุภา. (2563). การพัฒนาแนวทางการทำงานเป็นทีมของครูศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก สังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย, วารสารวิชาการวิทยาลัยสันตพล. 6(2); 34. วิทยาลัยสันตพล
สำนักงานกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว. (2546). อนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบและพิธีสารเลือกรับของอนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบ. กรุงเทพฯ : สำนักงานฯ.
สำนักงานกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว. (2552). ดัชนีการพัฒนามิติหญิงชายของประเทศไทย. กรุงเทพฯ : สำนักงานฯ.
สำนักงานกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว. (2554ก). รายงานการศึกษาฉบับสมบูรณ์ การสังเคราะห์งานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับบทบาทสถานภาพสตรีและความเสมอภาคระหว่างหญิงชาย. กรุงเทพฯ : สำนักงานฯ.
สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา. (2560). รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560. กรุงเทพฯ : สำนักงานฯ.
สำนักงานสถิติแห่งชาติ. (2554). มิติหญิงชาย: แนวโน้มการพัฒนาสู่ความเสมอภาค. กรุงเทพฯ : จรัลสนิทวงศ์การพิมพ์.
Thoits, P. A. (1982). Conceptual, methodological, and theoretical problems in studying social support as a buffer against life stress. Journal of Health and Social Behavior, 23(5), 147 - 148.