ระบบตรวจสอบย้อนกลับผลผลิตทางการเกษตร กลุ่มเกษตรกรปลูกข้าวอินทรีย์ไรซ์เบอร์รี่ เขตรอยต่อจังหวัดอุดรธานีและสกลนคร
Main Article Content
บทคัดย่อ
จากกระแสความใส่ใจในสุขอนามัยของผู้บริโภค และคุณภาพของผลผลิตทางการเกษตร ส่งผลให้มีการออกกฎระเบียบต่าง ๆ มาควบคุมผลิตภัณฑ์อาหาร ไม่ว่าจะเป็น GMP HACCP BRC ISO และอื่น ๆ อีกหลายมาตรฐานและมาตรการ รวมถึงการติดตาม
และตรวจสอบย้อนกลับ หรือ Traceability ก็เป็นหนึ่งมาตรการที่กลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วได้ออกกฎระเบียบนี้ขึ้นเพื่อกำหนดให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าในอุตสาหกรรมอาหาร แสดงถึงแหล่งที่มาและกระบวนการผลิตต่าง ๆ ให้กับผู้บริโภคได้สามารถเข้าถึงข้อมูล และสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็วในกรณีที่สินค้าอาหารนั้น ๆ หรือผลผลิตทางการเกษตรมีปัญหา โดยงานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ดังนี้ 1) เพื่อสร้างระบบตรวจสอบย้อนกลับผลผลิตทางการเกษตรกลุ่มเกษตรกรปลูกข้าวอินทรีย์ไรซ์เบอร์รี่ เขตรอยต่อจังหวัดอุดรธานีและสกลนคร 2) เพื่อจัดทำระบบฐานข้อมูล กลุ่มเกษตรกรปลูกข้าวอินทรีย์ไรซ์เบอร์รี่ เขตรอยต่อจังหวัดอุดรธานีและสกลนคร
ด้วยขั้นตอนการศึกษาวิจัยแบ่งเป็น 3 ระยะ 1) ศึกษาข้อมูลและลงพื้นที่สำรวจเก็บข้อมูลเพื่อใช้ในการดำเนินงานวิจัย 2) พัฒนาระบบเพื่อทำการตรวจสอบย้อนกลับผลผลิตข้าวไรซ์เบอร์ โดยในระบบการสืบค้นย้อนกลับประกอบด้วย กระบวนการที่สำคัญ 2 กระบวนการ คือ กระบวนการติดตาม และกระบวนการสืบค้นย้อนกลับ 3) สังเคราะห์ผลที่ได้จากการดำเนินงานวิจัย เพื่อถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่ชุมชน
ผลวิจัย พบว่า จากการสัมภาษณ์ทางเกษตรกรได้รับความคิดว่าในส่วนของระบบมีการใช้งานง่ายในกลุ่มอายุ 30-45 ปี
ส่วน 45 ปีขึ้นไปจะเห็นได้ชัดว่ามีปัญหาในการใช้งานเพียงเล็กน้อย แต่เกษตรกรได้ให้ความคิดว่าระบบมีประโยชน์เป็นอย่างมากเนื่องจากมีการตรวจสอบผลผลิต อีกทั้งยังสามารถเพิ่มรายการสินค้าการเกษตรที่หลากหลาย เช่น ผัก ข้าวหอมมะลิ ทำให้เกษตรกร
มีความต้องการนำระบบตรวจสอบย้อนกลับไปต่อยอดในสินค้าทางการเกษตรกลุ่มอื่น ๆ ด้วย รวมทั้งให้เพิ่มเติมข้อมูลที่เป็นผลดี
ต่อสุขภาพด้วย ระบบตรวจสอบย้อนกลับผลผลิตทางการเกษตร กลุ่มเกษตรกรปลูกข้าวอินทรีย์ไรซ์เบอร์รี่ เขตรอยต่อจังหวัดอุดรธานีและสกลนคร เกษตรกรจำนวน 50 คน ได้ทดลองใช้ระบบมีความพึงพอใจอยู่ในค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.69 ส่วนเบนเบี่ยงมาตรฐานเท่ากับ 0.07 ซึ่งผลปรากฏว่าอยู่ในระดับพึงพอใจมาก
Article Details
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงตีพิมพ์ในวารสารวิชาการวิทยาลัยสันตพล ถือว่าเป็นข้อคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรง ซึ่งกองบรรณาธิการวารสารไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยหรือรับผิดชอบใดๆ
References
เฉลิมชนม์ ไวศยดำรง. (2549). The Global Traceability Standard. วารสาร ASIA PACIFIC FOOD INDUSTRY THAILAND, 3, 42 - 45.
ณฐมน บัวพรมมี และ ก่อพงษ์ พลโยราช. (2555). การประยุกต์ใช้ระบบตรวจสอบย้อนกลับในสินค้าประเภทเนื้อสัตว์ในฐานะเครื่องมือทางกาตลาด. วารสารวิทยาการจัดการและสารสนเทศ, (2), 18-24.
นงคราญ มหาวัง, จงกลบดินทร แสงอาสภวิริยะ, ชัยยศ สัมฤทธิสกุล และ มาณวิน สงเคราะห์. (2559). การออกแบบระบบตรวจสอบย้อนกลับในโซ่อุปทานผักชียงดาเพื่อการพาณิชย์. การประชุมวิชาการสวนสุนันทาวิชาการระดับชาติ ครั้งที่ 5. กรุงเทพฯ
วรชัย ศรีสมุดคำ, ณัฐพล ภู่ระหงษ์ และ พีรภัทร อิ่มทรัพย์. (2561). การสืบต้นย้อนกลับผลิตภัณฑ์ข้าวคุณภาพแบบสุญญากาศของเกษตรกร จังหวักเพชรบูรณ์. วารสารราชธานีวิชาการ มหาวิทยาลัยราชธานี, 3, 203-211
วิทธวัช ราชรองวัง. (2560). ระบบตรวจสอบย้อนกลับโซ่อุปทานของนมพาสเจอร์ไรสฺเสริมฟูออไรด์ กรณ๊ศึกษา สหกรณ์โคนมพัทลุง จำกัด. วิทยานิพนธ์วิทยาศาสตร์มหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์
สมพล สุขเจริญพงษ์ และเดช ธรรมศิริ. (2561). การพัฒนาระบบตรวจสอบย้อนกลับโดยเทคโนโลยีรหัสคิวอาร์ และบรรจุภัณฑ์การค้าปลีกสำหรับส้มโอนครปฐม. วารสารวิชาการวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฎนครปฐม. 5(1), 67-78
อนุวัฒน์ ใจดี และ พุธษดี ศิริแสงตระกูล. (2557). ระบบติดตามและตรวจสอบย้อนกลับก้อนเชื้อเห็ด. 1020-1029
กังสดาล กนกหงส์ นฤเบศร์ รัตนวัน และปภพ จี้รัตน์. (2561). การยอมรับวิธีการปลูกพืชภายใต้มาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีและเหมาะสม (GAP) ของเกษตรกร ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงหม่อนเงาะ อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่. วารสารวิจัยและส่งเสริมวิชาการเกษตร, 36(1), 75-84
นันทิยา ตันติดลธเนศ และ แสงทอง บุญยิ่ง (2563). ต้นแบบการตรวจสอบย้อนกลับการปลูกพืชอาหารปลอดภัยในชุมชนด้วยเทคโนโลยีอาร์เอฟไอดี. วารสารการประยุกต์เทคโนโลยีสารสนเทศ, 6(1), 83-98
Hobbs, J. E., Bailey, D. V., D. L. and Haghiri, M. (2005). Traceability in the Canadian redmeat sector: Do consumers care?. Canadian Journal of Agricultural Economics, 53(1), 47-65