การพัฒนาทักษะการประดิษฐ์พวงกุญแจจากภูมิปัญญาท้องถิ่นตามความเชื่อตาแหลว ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบทีมเป็นฐาน
คำสำคัญ:
ทักษะการประดิษฐ์พวงกุญแจ, ภูมิปัญญาท้องถิ่นตามความเชื่อตาแหลว, การจัดการเรียนรู้แบบทีมเป็นฐานบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เปรียบเทียบทักษะการประดิษฐ์พวงกุญแจจากภูมิปัญญาท้องถิ่นตามความเชื่อตาแหลว ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 หลังการจัดการเรียนรู้แบบทีมเป็นฐานกับเกณฑ์ร้อยละ 80 และ 2) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 หลังได้รับการพัฒนาทักษะการประดิษฐ์พวงกุญแจจากภูมิปัญญาท้องถิ่นตามความเชื่อตาแหลว ด้วยการจัดการเรียนแบบทีมเป็นฐาน กลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/6 แผนการเรียนศิลป์-ทั่วไป ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 โรงเรียนพล สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาขอนแก่น จำนวน 30 คน ซึ่งได้มาจากการสุ่มแบบกลุ่ม โดยใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยในการสุ่ม เครื่องมือการวิจัย ประกอบด้วย 1) แผนการจัดการเรียนรู้จำนวน 2 โดยแผนที่ 1 และแผนที่ 2 มีความเหมาะสมแผนอยู่ในระดับมากที่สุด โดยมีค่าเฉลี่ย 5.00 และมีส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.00 2) แบบประเมินทักษะการประดิษฐ์พวงกุญแจตาแหลว โดยมีค่า IOC ระหว่าง 0.67 – 1.00 และ 3) แบบประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้แบบทีมเป็นฐาน มีค่า IOC ทุกข้อเท่ากับ 1.00 สถิติสำหรับการวิเคราะห์ข้อมูล ประกอบด้วย ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยประชากรโดยการทดสอบวิลคอกซัน (Wilcoxon Signed Rank Test for One Sample)ผลการวิจัย พบว่า 1) ผลการเปรียบเทียบทักษะการประดิษฐ์พวงกุญแจจากภูมิปัญญาท้องถิ่นตามความเชื่อตาแหลว ของนักเรียนหลังการจัดการเรียนรู้แบบทีมเป็นฐานสูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ 80 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 โดยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 19.17 และมีส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.91 2) ผลการศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนหลังได้รับการพัฒนาทักษะการประดิษฐ์พวงกุญแจจากภูมิปัญญาท้องถิ่น ตามความเชื่อตาแหลว ด้วยการจัดการเรียนแบบทีมเป็นฐานในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด โดยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.84 และมีส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.20
เอกสารอ้างอิง
ทิศนา แขมมณี. (2560). ศาสตร์การสอน: องค์ความรู้เพื่อการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ (พิมพ์ครั้งที่ 8). สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 (พ.ศ. 2566-2570). (2565, 1 พฤศจิกายน). ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม 139 ตอนพิเศษ 258 ง. หน้า 1-143.
พัชรี แจ่มใส, รัตติยา กรวยทอง, รุจิรา สร้อยทอง และสาวิตรี งามทรัพย์. (2552). ผลการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ หน่วยระบบนิเวศของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนนาดีวิทยา ตําบลนาดี อําเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ ปีการศึกษา 2552 โดยใช้การสอนแบบ SICAR [วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต]. มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์.
ยิ่งศักดิ์ ชุ่มเย็น. (2565). การพัฒนาทักษะการตีฆ้องวงใหญ่ของนักศึกษาภาควิชานาฏดุริยาคศิลป์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี [วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต]. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี.
ยุทธนา ชัยเจริญ. (2561). ผลการนำภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านวิทยาศาสตร์ไปใช้ในการจัดการเรียนรู้ ตามแนวสะเต็มศึกษา เรื่อง การย้อมสีเส้นด้ายฝ้ายด้วยสีธรรมชาติโดยใช้สารช่วยติดชนิดต่าง ๆ [วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต]. มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่.
รักขณาลี สวนพูล. (2561). การจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยเน้นทักษะกระบวนการทำงานในรายวิชาการงานอาชีพ กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 [วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต]. มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
สิรินารถ จงกลกลาง. (2551). รูปแบบการสอน Team Based Learning. วารสารวิชาการสีมาจารย์, 21(43), 86-91.
Gronlund, N. E. & Waugh, C. K. (2009). Assessment of Student Achievement. Pearson.
McMillan, M. (2014). The Strategy Process: Concepts (3rd ed.). Prentice-Hall.
Michaelsen, L. K., Knight, A. B. & Fink, L. D. (2004). Team-based Learning. Jossey-Bass.
Seng, P. M. (1994). The Fifth Discipline: the Art and Practice of the Learning Organization. Pearson Education.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 สิกขา วารสารศึกษาศาสตร์

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.