การศึกษาสภาพการบริหารงานวิชาการของโรงเรียนประถมศึกษาในยุคดิจิทัล สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุบลราชธานี เขต 5

Main Article Content

แพรวพรรณ ทาสมบูรณ์

บทคัดย่อ

การศึกษาวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสภาพการบริหารงานวิชาการของโรงเรียนประถมศึกษาในยุคดิจิทัล 2) เปรียบเทียบสภาพการบริหารงานวิชาการของโรงเรียนประถมศึกษาในยุคดิจิทัล จำแนกตามสถานภาพตำแหน่งการปฏิบัติงาน ประสบการณ์ในการทำงานและขนาดของโรงเรียน
3) ศึกษาปัญหาและแนวทางในการบริหารงานวิชาการในโรงเรียนประถมศึกษาในยุคดิจิทัล สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุบลราชธานี เขต 5 ตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ ผู้บริหารและครูวิชาการ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุบลราชธานี  เขต 5 จำนวน 400 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย เป็นแบบสอบถาม มีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับ .95 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบที (t-test) แบบเป็นอิสระต่อกัน และการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One-way ANOVA) กรณีพบความแตกต่างใช้วิธีการทดสอบความแตกต่างรายคู่ตามวิธีของเชฟเฟ่ (Scheffe's method) ผลการวิจัยพบว่า 1) สภาพการบริหารงานวิชาการของโรงเรียนประถมศึกษาในยุคดิจิทัล โดยรวมและรายด้านอยู่ในระดับมาก 2) ผลการเปรียบเทียบความคิดเห็นต่อสภาพการบริหารงานวิชาการของโรงเรียนประถมศึกษาในยุคดิจิทัล พบว่า ผู้บริหารสถานศึกษาและครูวิชาการที่มีตำแหน่งการปฏิบัติงานต่างกัน มีความคิดเห็นโดยรวม ไม่แตกต่างกัน 3) ปัญหาและแนวทางการพัฒนางานวิชาการของโรงเรียนประถมศึกษาในยุคดิจิทัล ปัญหาที่พบ คือ โรงเรียนขาดครูและบุคลากรที่เข้าใจและสามารถปรับปรุงพัฒนาหลักสูตรท้องถิ่นได้อย่างชัดเจน ครูสอนไม่ตรงตามวิชาเอก ครูไม่ครบชั้นและขาดแคลนครู ครูมีภาระงานพิเศษอื่นมากเกินไป งบประมาณในการพัฒนาสื่อและเทคโนโลยีไม่เพียงพอ และมีการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการนิเทศการศึกษาไม่มากเท่าที่ควร โดยแนวทางแก้ไขและพัฒนาคือ มีการจัดอบรมเกี่ยวกับการจัดทำหลักสูตรท้องถิ่นเพื่อให้เชื่อมโยงกับหลักสูตรของสถานศึกษา จัดครูให้ตรงตามเอกและให้ครบชั้น ส่งเสริมให้ครูได้นำเทคโนโลยีมาใช้ในการจัดการศึกษามากที่สุด

Article Details

ประเภทบทความ
Research Articles (บทความวิจัย)

เอกสารอ้างอิง

พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2562, (2562), ราชกิจจานุเบกษา, เล่มที่ 136, ตอนที่ 57 ก, 1 พฤษภาคม 2562.

กระทรวงศึกษาธิการ, (2560), แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560-2579, กรุงเทพฯ: สำนักงานเลขาธิการ

สภาการศึกษา.

สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุบลราชธานี เขต 5, (2566), แผนการพัฒนาการศึกษาขั้นพื้นฐาน 2560-2570, กลุ่มนโยบายและแผน สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุบลราชธานี เขต 5, อุบลราชธานี.

สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษาแห่งชาติ, (2560), แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560-2579, กรุงเทพฯ: สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา.

R. L. Katz, (2005), “Skills of an effective administrators,” Harvard Business Review, 30(1), น. 45-61.

สุกัญญา แช่มช้อย, (2565), การบริหารงานวิชาการที่ตอบสนองการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคพลิกผัน, กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน, (2562), นโยบายปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 เรื่อง การพัฒนาคุณภาพผู้เรียน, กรุงเทพฯ: สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน.

จีรวัฒน์ ภูอาบทอง, (2564), “การบริหารงานวิชาการที่ส่งผลต่อคุณภาพผู้เรียนของโรงเรียนเอกชนในจังหวัด ร้อยเอ็ด,” วิทยานิพนธ์ ค.ม. (การบริหารการศึกษา), มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด, ร้อยเอ็ด.

สงบ อินทรมณี, (2562), “การบริหารสถานศึกษาในยุคดิจิทัล,” วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยการจัดการและเทคโนโลยีอีสเทิร์น, 16(1): น. 353-360.

กีรติ ฉิมพุฒ, (2565), “การศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการบริหารงานวิชาการกับคุณภาพผู้เรียนใน

สถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากำแพงเพชร,” วิทยานิพนธ์ ค.ม.

(การบริหารการศึกษา), มหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี, จันทบุรี.

R. V. Krejcie, and D. W. Morgan, (1970), “Determining Sample Size for Research Activities,”

Educational and Psychological Measurement, vol. 30(3), น. 607-610.

Best and K James, (1993), “Research in education,” (7th ed.), Boston: Allyn and Bacon

สุกัญญา แช่มช้อย, (2562), “การบริหารสถานศึกษาในยุคดิจิทัล,” กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์

มหาวิทยาลัย.

ชลนที กาศมณี, (2562), “การศึกษาสภาพการบริหารงานวิชาการในสถานศึกษา: กรณีศึกษาโรงเรียนองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย,” วิทยานิพนธ์ ค.ม. (การบริหารการศึกษา), มหาวิทยาลัยพะเยา.