ยุทธศาสตร์การเตรียมผู้สูงอายุให้เข้าสู่วัยสูงอายุอย่างมีความสุข (Preparing strategies for happy elderly transition)

Abstract

การวิจัยนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสภาพปัญหา และกำหนดยุทธศาสตร์การเตรียมผู้สูงอายุให้เข้าสู่วัยสูงอายุอย่างมีความสุข เก็บรวบรวมข้อมูลจากผู้สูงอายุในจังหวัดภูเก็ต ด้วยแบบสอบถาม จำนวน 400 ตัวอย่าง และสัมภาษณ์เชิงลึกผู้ที่เกี่ยวข้อง จำนวน 57 ตัวอย่าง การวิจัยเชิงปริมาณด้วยสถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และเชิงคุณภาพใช้การวิเคราะห์เชิงเนื้อหา ผลการศึกษาพบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง ช่วงอายุ 60 - 64 ปี มีการศึกษาระดับประถมศึกษา มีสถานภาพสมรส มีบุตร 2 คน มีสุขภาพดี คิดเป็นร้อยละ 47.3 สภาพปัญหามากที่สุด คือ ด้านการพัฒนาสถาบันครอบครัว รองลงมาคือ ด้านสุขภาพอนามัย ด้านอาชีพและรายได้ ด้านที่อยู่อาศัย และด้านการพัฒนาตนเอง ส่วนความต้องการจำเป็นมากที่สุด คือ อยู่ร่วมกันกับลูกหลาน รองลงมา การเอาใจใส่จากครอบครัว สุขภาพที่แข็งแรง จิตใจที่สดใส ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ สำหรับยุทธศาสตร์การเตรียมผู้สูงอายุ ทำโดยการสร้างความตระหนักให้คนทุกวัยดูแลเอาใจใส่ผู้สูงอายุในครอบครัว พัฒนาความรู้อาหารและโภชนาการ การออกกำลังกาย สุขภาพจิต นันทนาการ และมีการตรวจสุขภาพประจำปี รวมกลุ่มฝึกอบรมสร้างสรรค์อาชีพที่ผู้สูงอายุถนัดและเหมาะสม พัฒนาที่อยู่อาศัยอย่างมีมาตรฐาน ปลอดภัย เหมาะสมกับผู้สูงอายุ ให้การศึกษาเรียนรู้และพัฒนาตนเอง ทั้งนี้ ควรบูรณาการร่วมระหว่างหน่วยงานภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และชุมชนในการเตรียมพร้อมรองรับทั้งระบบต่าง ๆ เช่น การเดินทาง การดูแลผู้สูงอายุที่บ้าน การใช้ชีวิตประจำวัน การดูแลสุขภาพ และสร้างกิจกรรมให้ผู้สูงอายุมีส่วนร่วม

The purposes of this research were to study problems and to determine developmental strategies for elderly transition with happiness. The data were collected from 400 questionnaires responded by elderly participants and 57 in-depth interviews. The quantitative data were analyzed using descriptive statistics, namelyfrequency, percentage, mean, and standard deviation. The qualitative data was analyzed using the content analysis. The results of the study showed that most participants were female, aged between 60 - 64 years old, held a primary educational level, married status with two children, and 47.3% were healthy. The most problematic issues found in the research were family institution development followed by health issues, career and income, housing, and self-development issues. The most need of the elderly was to live together with children and family followed by being taken care of by the family, being healthy both physically and mentally without sickness. The preparing strategies for elderly transition were to build awareness among the family members to take care of the elderly, to enhance knowledge of the elderly’s nutrition, exercises, recreational activities, and an annual health check-up, to create elderly associations of skills and training development, to build housing for the elderly with security and standards, as well as to promote self-learning and development for the elderly. There should be integration among government agencies, local governments and communities for such a systematic preparation such as transportation, guidelines on taking care of the elderly at home, the daily routine of the elderly, health, and recreational activities for the elderly to participate.