เจเนอเรชันวาย : ความผูกพันเชิงความรู้สึกกับองค์การ และความตั้งใจคงอยู่ในงาน (Generation Y: Affective organizational commitment and intention to stay)

Abstract

บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างความผูกพันเชิงความรู้สึกกับองค์การ และความตั้งใจคงอยู่ในงานของพนักงานโรงแรมกลุ่มคนเจเนอเรชันวาย และเพื่อศึกษาปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อความผูกพันเชิงความรู้สึก โดยมีกลุ่มตัวอย่าง คือ พนักงานโรงแรมกลุ่มคนรุ่นเจเนอเรชันวายในเขตกรุงเทพมหานคร เครื่องมือวิจัย ประกอบด้วย แบบวัดความผูกพันเชิงความรู้สึกกับองค์การ แบบวัดความตั้งใจคงอยู่ในงาน และแบบวัดปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับความผูกพันเชิงความรู้สึกกับองค์การ ทดสอบสมมติฐานโดยใช้สถิติวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณ และการวิเคราะห์การถดถอยแบบง่าย ผลการวิจัยพบว่า พนักงานโรงแรมที่เป็นกลุ่มตัวอย่างมีความผูกพันเชิงความรู้สึกกับองค์การ และมีความตั้งใจคงอยู่ในงานระดับปานกลาง ความผูกพันเชิงความรู้สึกกับองค์การมีความสัมพันธ์เชิงบวกกับความตั้งใจคงอยู่ในงานของพนักงานโรงแรมในกลุ่มคนเจเนอเรชันวาย อธิบายความสัมพันธ์ได้ร้อยละ 24 (R² = 0.24) ความสัมพันธ์อันดีกับหัวหน้างานเป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลเชิงบวกมากที่สุดต่อความผูกพันเชิงความรู้สึก รองลงมา คือ ความชัดเจนของวิสัยทัศน์องค์การ การเป็นที่ยอมรับในองค์การ ความท้าทายในงาน และการมอบอำนาจร่วมในงาน ตามลำดับ ซึ่งโมเดลสามารถอธิบายผลของตัวแปรพยากรณ์ที่เกี่ยวข้องกับความผูกพันเชิงความรู้สึกกับองค์การได้ร้อยละ 35 (R² = 0.35) ข้อเสนอแนะจากผลการวิจัยสามารถนำไปประยุกต์เพื่อการวางแผนเชิงกลยุทธ์ในการจัดการทรัพยากรมนุษย์สำหรับพนักงานโรงแรมกลุ่มคนเจเนอเรชันวาย

This research aimed to investigate the association between Generation Y hotel staffs’ affective organizational commitment, their intention to stay in the organization and to identify the factors that influence their affective organizational commitment. The representative sample of this research were Generation Y hotel staffs in Bangkok. The research tool comprised two sets of questionnaires: one for measuring affective organizational commitment and the another one for measuring the factors associated with intention to stay in the organization. The hypothesis testing employed multiple regression analysis and simple regression analysis. The research results revealed that the representative samples had a moderate level of affective commitment on the organization and intention to stay. Their affective commitments on the organization had a positive relationship with their intention to stay, which represented 24 percent (R² = 0.24). The factor that had the most positive effect on their affective commitment were their positive relationships with their supervisors, followed by the distinct vision of the organization, recognition of their good work, job challenges, and empowerment. This model could explain the predictor variables associated with their affective commitment and intention to stay at 35 percent (R² = 0.35). The suggestions from the research results can be applied to strategically planning in human resource management for Generation Y hotel employees.