การพัฒนาเครื่องฝึกทักษะการพายเรือ สำหรับนักกีฬาเรือพายสู่ความเป็นเลิศ (Development of a rowing skill training machine for rowing athletes to achieve excellence)

Abstract

ปัจจุบันกีฬาเรือพายยังขาดเครื่องฝึกทักษะที่ได้มาตรฐาน การวิจัยครั้งนี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาเครื่องฝึกทักษะการพายเรือสำหรับนักกีฬาเรือพายสู่ความเป็นเลิศ เป็นงานวิจัยแบบผสมผสานทั้งเชิงปริมาณและคุณภาพ เครื่องมือวิจัย ได้แก่ แบบสัมภาษณ์เชิงลึก แบบประเมินคุณภาพเครื่องมือ เครื่องฝึกทักษะการพายเรือ ดำเนินการตรวจสอบคุณภาพด้านความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหา และวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สัน โดยแบ่งการวิจัยเป็น 3 ระยะ คือ ระยะที่ 1 ศึกษาข้อมูล วิเคราะห์ และสังเคราะห์ เครื่องฝึกทักษะกีฬาเรือพายแต่ละประเภท โดยสัมภาษณ์กลุ่มผู้เชี่ยวชาญในการออกแบบเครื่องฝึกทักษะ ระยะที่ 2 เป็นการพัฒนาเครื่องฝึกทักษะการพายเรือ โดยใช้กลุ่มผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบคุณภาพเพื่อหาความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหา และระยะที่ 3 เป็นการทดลองใช้เครื่องฝึกทักษะ โดยมีกลุ่มนักกีฬาเรือพายเป็นผู้ทดสอบ ซึ่งกลุ่มเป้าหมายทั้งหมดได้ทำการเลือกแบบเจาะจง ผลการศึกษาพบว่า จากการวิเคราะห์ข้อมูลและความสามารถในการนำไปใช้ ผู้วิจัยเลือกการพัฒนาเครื่องฝึกทักษะการพายเรือ 2 ประเภท คือ เรือมังกร และเรือแคนู ในการพัฒนาเครื่องฝึกทักษะการพายเรือ พบว่า เครื่องฝึกทักษะมีคุณภาพด้านความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหา เท่ากับ 0.93 ซึ่งถือว่าใช้ได้ และในการทดลองใช้เครื่องฝึกทักษะ พบว่า นักกีฬาเรือพายมีความเชื่อมั่นในเครื่องฝึกทักษะ จากการทดสอบซ้ำโดยใช้ระยะเวลาการทดสอบห่างกัน 1 สัปดาห์ พบว่า นักกีฬาเรือมังกรและเรือแคนู มีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.96 และ 0.95 ตามลำดับ แสดงว่าอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ ซึ่งสามารถนำเครื่องฝึกทักษะดังกล่าวไปพัฒนาการออกแบบทักษะการพายเรือ และพัฒนาเทคนิคการฝึกซ้อมเพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของนักกีฬาเรือพายได้

At present, rowing sports in Thailand lack standardized training equipment for skill development. This study aimed to develop rowing skill training machines to enhance athletes’ performance and support their pursuit of excellence. A mixed-methods research design was employed, combining both quantitative and qualitative approaches. Research tools included in-depth interviews, quality assessment forms, and prototype rowing skill training devices. Content validity was examined, and data were analyzed using basic statistics: mean, standard deviation, and Pearson’s correlation coefficient. The study was conducted in three phases. In phase 1, existing training devices for different involved types of rowing were studied, analyzed, and synthesized through interviews with design experts. Phase 2 focused on developing the training equipment and verifying its content validity through expert evaluation. Phase 3 involved field trials with selected rowing athletes. Results indicated that two types of rowing equipment—dragon boat and canoe—were selected for development based on feasibility and applicability. The content validity index (CVI) of the developed equipment was 0.93, indicating a high level of validity. Reliability testing, conducted with a one-week interval, showed reliability coefficients of 0.96 and 0.95 for the dragon boat and canoe training devices, respectively—demonstrating acceptable reliability. These findings suggest that the developed training machines can be effectively applied to improve rowing techniques and training strategies, thereby enhancing athletes' performance in competitive rowing.