นวัตกรรมการจัดการเรียนรู้เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะการเรียนรู้ภาษาไทยอย่างยั่งยืนสำหรับนักศึกษาวิชาชีพครู (Learning management innovation to enhance sustainable Thai language learning competencies for pre-service teachers)

Abstract

ความหลากหลายทางชาติพันธุ์และวัฒนธรรม สร้างความท้าทายใหม่ให้กับระบบการศึกษา โดยเฉพาะการพัฒนาสมรรถนะภาษาไทยสำหรับนักศึกษาวิชาชีพครูที่มีภูมิหลังทางภาษาและวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ คือ 1) เพื่อประเมินความต้องการจำเป็นในการเสริมสร้างสมรรถนะการเรียนรู้ภาษาไทยสำหรับนักศึกษาวิชาชีพครู 2) เพื่อพัฒนานวัตกรรมการจัดการเรียนรู้โดยใช้ชุมชนเป็นฐานร่วมกับการสร้างความรู้ด้วยตนเอง 3) เพื่อวิเคราะห์ผลการใช้นวัตกรรมฯ และ 4) เพื่อสำรวจความคิดเห็นของนักศึกษาที่มีต่อนวัตกรรมฯ กลุ่มตัวอย่างในการวิจัย คือ นักศึกษาวิชาชีพครูโครงการปกติและโครงการครูรัก(ษ์)ถิ่น คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในรายวิชา 067311 หลักภาษาไทยในหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน 61 คน โดยใช้นวัตกรรมการจัดการเรียนรู้ฯ จำนวน 5 หน่วย (40 ชั่วโมง) แบบประเมินสมรรถนะการพูด แบบทดสอบสมรรถนะการฟัง-ดู สถิติที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูล คือ สถิติเชิงบรรยาย ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัยพบว่า นักศึกษาวิชาชีพครูมีความต้องการเสริมสร้างสมรรถนะการเรียนรู้ภาษาไทยด้านการพูดมากที่สุด รองลงมา คือ สมรรถนะการฟัง-ดู นวัตกรรมฯ ที่พัฒนาขึ้นมีความเหมาะสมระดับมากที่สุด ประกอบด้วย ขั้นตอนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 5 ขั้น ได้แก่ ขั้นทบทวนหลักภาษา ขั้นค้นคว้าจากชุมชน ขั้นประมวลผลความรู้ ขั้นฟัง ดู พูดนำเสนองานตน และขั้นสะท้อนผลการเรียนรู้สู่ยั่งยืน นักศึกษาวิชาชีพครูที่ใช้นวัตกรรมฯ มีคะแนนเฉลี่ยสมรรถนะการฟัง-ดู และพูด หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 และมีความคิดเห็นต่อนวัตกรรมฯ โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด สามารถใช้เป็นต้นแบบในการเสริมสร้างสมรรถนะการเรียนรู้ภาษาไทยอย่างยั่งยืนให้กับนักศึกษาวิชาชีพครูในสถาบันการศึกษาอื่น ๆ ได้ต่อไป

The ethnic and cultural diversity of contemporary Thai society poses new challenges to the education system, particularly in developing Thai language competencies among pre-service teachers from varied linguistic and cultural backgrounds. This research aimed to: 1) assess the needs for strengthening Thai language learning competencies among pre-service teachers, 2) develop a learning management innovation integrating community-based learning with self-directed learning to promote sustainable Thai language competence, 3) evaluate the effectiveness of the innovation, and 4) examine students’ opinions regarding its implementation. The sample included 61 pre-service teachers enrolled in both the regular program and the Kru Rak (Raksa) Thin Program at the Faculty of Education, Chiang Mai University, in the course 067311 Thai Language Fundamentals in the Basic Education Curriculum. The innovation consisted of five learning units (40 hours total), incorporating speaking competency assessments and listening-viewing competency tests. Data were analyzed using descriptive statistics, including percentages, means, and standard deviations. The findings revealed that pre-service teachers reported the highest need to enhance speaking competence, followed by listening-viewing competence. The developed innovation was rated as highly appropriate and was structured into five stages: 1) reviewing Thai language fundamentals, 2) conducting community-based inquiry, 3) synthesizing knowledge, 4) listening, viewing, and presenting individual work, and 5) reflecting on developmental outcomes for sustainability. Post-instruction mean scores for both listening-viewing and speaking competencies were significantly higher at the 0.05 level. Overall, participants rated the innovation at the highest level, indicating its potential as an effective tool for enhancing sustainable Thai language learning competencies among pre-service teachers in other educational institutions.