รูปแบบการบริหารสถานศึกษาสู่ความเป็นเลิศของโรงเรียนขยายโอกาส สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์องค์ประกอบ การสร้างรูปแบบ และการประเมินรูปแบบการบริหารสถานศึกษาสู่ความเป็นเลิศของโรงเรียนขยายโอกาสสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ประกอบด้วย 3 ขั้นตอน ขั้นตอนที่ 1 การวิเคราะห์องค์ประกอบ แหล่งข้อมูล จาก เอกสาร งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 9 คน ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษา และ ครู โรงเรียนในฝันของโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ในปีการศึกษา 2559 จำนวน ทั้งสิ้น 167 โรงเรียน ประชากรทั้งสิ้น 4,189 คน กลุ่มตัวอย่าง ได้มาโดยการสุ่มอย่างง่าย จำนวน 400 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยมี 3 ชนิด ได้แก่ แบบบันทึกสังเคราะห์เอกสาร แบบสัมภาษณ์แบบกึ่งโครงสร้าง แบบสอบถาม การวิเคราะห์ข้อมูลโดยการการสังเคราะห์เชิงเนื้อหา ค่าความถี่ ค่าร้อยละ และค่าเฉลี่ย ( ) ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D) ขั้นตอนที่ 2 การสร้างรูปแบบ แหล่งข้อมูลจากผู้ทรงคุณวุฒิในการสัมมนาอิงผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 9 คน สัมภาษณ์ผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 5 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยมี 2 ชนิด ได้แก่ แบบสัมภาษณ์แบบกึ่งโครงสร้าง แบบบันทึกการสัมมนาอิงผู้เชี่ยวชาญ การวิเคราะห์ข้อมูล จากการวิพากษ์ของผู้เชี่ยวชาญ วิเคราะห์ สรุปอภิปรายผล ขั้นตอนที่ 3 การประเมินรูปแบบการ แหล่งข้อมูล ได้แก่ ผู้บริหารโรงเรียนจำนวน 9 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยมี 1 ชนิด ได้แก่ แบบประเมิน การวิเคราะห์ข้อมูล โดยการหาค่าเฉลี่ย (
) ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D) ผลการวิจัยพบว่า 1) การวิเคราะห์องค์ประกอบการบริหารสถานศึกษาสู่ความเป็นเลิศของโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา สังกัดคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เมื่อพิจารณาตามเกณฑ์ในการจัดกลุ่มองค์ประกอบ สามารถจัดกลุ่มได้ 6 องค์ประกอบ ได้แก่ (1) การยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน (2) การใช้ภาวะผู้นำของผู้บริหาร (3) การวางแผนกลยุทธ์ (4) การพัฒนาศักยภาพครู (5) การส่งเสริมการจัดการศึกษา (6) การควบคุมคุณภาพการปฏิบัติงานโดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก 2) การนำเสนอรูปแบบ พบว่า ทั้ง 6 องค์ประกอบ 43 ตัวแปร มีแนวทาง ทั้งหมด 89 แนวทาง 3) ผลการประเมินรูปแบบ พบว่า องค์ประกอบทั้ง 6 องค์ประกอบ โดยภาพรวมอยู่ในระดับ มาก มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.78 ยอมรับได้ตามเกณฑ์ ความถูกต้อง ความเหมะสม ความเป็นไปได้ และเป็นประโยชน์
Article Details
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสาร สักทอง : วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลับราชภัฏกำแพงเพชร
ข้อคิดเห็นใดๆ ที่ปรากฎในวารสารเป็นวรรณกรรมของผู้เขียนโดยเฉพาะ ซึ่งมหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชรและบรรณาธิการไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
เอกสารอ้างอิง
Boonyapo, S. (2012). The Administration Model For Excellence Basic Educational School under the Primary Education Service Office. Bangkok : Graduate School SilpaKorn Univeity.
Hankiatpong, S. (2009). An Analysis of Factors Affecting Excellent Administration of Private Kindergartens. Dissertation Doctor of Philosophy Program, Chulalongkorn University.
Ministry of Education. (2009). The Education Reform in the 2nd Decade (2552-2561). Bangkok : Prikwarn Graphic.
Office of the Basic Education Commission. (2002). National Education Act of 2542.Bangkok : Prikwarn Graphic co.ltd.
Office of Nation Education Standards and Quality Assessment (Public Organisation). (2006). The Conclusion for the Administrator to the Effect of the Third External Quality Assessment B.E. 2544-2548. Bangkok : The Office for National Education Standards and Quality Assessment (ONESQA).
Sethaphanit, S. (2007). Development of a School Administrative System for Excellence of a Private School. Dissertation Doctor of Philosophy Program, Chulalongkorn University.
Wongnaya. S. (2016). Strategic Planning Development for Educational Quality Development of Basic Schoolsunder KamphaengPhet Primary Educational Service Area Office. The Golden Teak : Humanity and Social Science Journal, 22(1),41-56.
Wittayanukorn, S. (2009). A Development Model of Educational Management for Excellence in the Private School. Dissertation Doctor of Philosophy Program in Education Administration, Faculty of Education Burapha University.