การมีส่วนร่วมทางการเมืองกับการพัฒนาการเมืองในระบอบประชาธิปไตยศึกษาเปรียบเทียบการเมืองระหว่างรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (พ.ศ.2551-2553)กับนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร (พ.ศ.2554-2556)

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาระดับการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน โดยศึกษาเฉพาะเหตุการณ์ทางการเมืองในช่วงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กับนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร 2) เพื่อเปรียบเทียบความคิดเห็นของประชาชนในการเข้ามามีส่วนร่วมทางการเมืองในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กับนางสาว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จำแนกตามเพศ อายุ อาชีพ รายได้ และระดับการศึกษา 3) เพื่อศึกษาความสัมพันธ์การมีส่วนร่วมทางการเมืองกับการพัฒนาทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตย กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ จากประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง 6 จังหวัด เพชรบูรณ์ พิจิตร พิษณุโลก สุโขทัย นครสวรรค์ และกำแพงเพชร จำนวน 500 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูลเป็นแบบสอบถาม สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ การแจกแจงความถี่ (Frequency) ร้อยละ (percent) ค่าเฉลี่ย (mean) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard deviation) และการหาค่าสมสัมพันธ์แบบเพียร์สัน (Pearson’s Product Moment Correlation Coefficient) ผลการวิจัยพบว่า 1. รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ประชาชนมีระดับการมีส่วนร่วมทางการเมือง ในการใช้สิทธิออกเสียงเลือกตั้ง การเข้าสังเกตการณ์ ตลอดจนการชุมนุมเรียกร้องจากกลุ่มต่างๆ รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ประชาชนมีระดับการมีส่วนร่วมทางการเมือง การเปิดโอกาสให้ชุมนุมอย่างสงบ การส่งตัวแทนเข้าอภิปรายและให้ประชาชนมีส่วนร่วมผ่านกิจกรรมโครงการที่รัฐบาลจัดขึ้น 2. ประชาชนมีความคิดเห็นต่อการพัฒนาการเมืองในระบอบประชาธิปไตย เมื่อเปรียบเทียบความคิดเห็นของประชาชน รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มีสัดส่วนสูงกว่ารัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร 3. ตัวแปร เพศ อายุ อาชีพ รายได้ และระดับการศึกษา ต่างมีความสัมพันธ์กับการมีส่วนร่วมทางการเมืองและความคิดเห็นต่อการพัฒนาทางการเมืองอย่างมีนัยสำคัญ เว้นแต่รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ตัวแปรรายได้ไม่มีความสัมพันธ์กับความคิดเห็นต่อการพัฒนาทางการเมือง