การออกแบบแผนการเรียนรู้เชิงสร้างสรรค์วิชาสังคมศึกษาโดยใช้เทคนิคอินโฟกราฟิกเพื่อพัฒนาสมรรถนะการใช้เทคโนโลยีของนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษา โรงเรียนทุ่งฝางวิทยาจังหวัดลำปาง
DOI:
https://doi.org/10.14456/rcmrj.2019.154243คำสำคัญ:
การออกแบบแผนการจัดการเรียนรู้, สังคมศึกษา, อินโฟกราฟิก, สมรรถนะ, เทคโนโลยีบทคัดย่อ
การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อสร้างแผนการจัดการเรียนรู้เชิงสร้างสรรค์วิชาสังคมศึกษาโดยใช้เทคนิคอินโฟกราฟิกเพื่อพัฒนาสมรรถนะการใช้เทคโนโลยีของนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาโรงเรียนทุ่งฝางวิทยา จังหวัดลำปาง 2) เพื่อหาคุณภาพแผนการจัดการเรียนรู้เชิงสร้างสรรค์และแบบประเมินสมรรถนะการใช้เทคโนโลยีเชิงสร้างสรรค์ของนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษา โรงเรียนทุ่งฝางวิทยา จังหวัดลำปาง 3) เพื่อสร้างแบบประเมินสมรรถนะการใช้เทคโนโลยีเชิงสร้างสรรค์ของนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษา โรงเรียนทุ่งฝางวิทยา จังหวัดลำปาง ผู้ประเมินประกอบด้วย ครูผู้สอนกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ระดับประถมศึกษา จำนวน 5 คน ครูผู้สอนกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ระดับมัธยมศึกษา จำนวน 2 คนและครูผู้สอนกลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี จำนวน 2 คน กลุ่มเป้าหมายที่ใช้เป็นผู้ประเมิน รวมทั้งหมด 9 คน เครื่องมือที่ใช้ในการประเมิน ได้แก่ แบบประเมินชนิดมาตรประมาณค่า 5 ระดับ
ผลการศึกษา พบว่า การออกแบบแผนการจัดการเรียนรู้เชิงสร้างสรรค์วิชาสังคมศึกษาโดยใช้เทคนิคอินโฟกราฟิกเพื่อพัฒนาสมรรถนะการใช้เทคโนโลยีของนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาโรงเรียนทุ่งฝางวิทยาออกแบบโดยการนำเนื้อหาหน่วยการเรียนรู้ลำปางเขลางค์นครที่สร้างขึ้นมาแล้วนำกระบวนการสร้างอินโฟกราฟิก 5 ขั้นตอนใส่ในกิจกรรมการเรียนรู้ของแผนการจัดการเรียนรู้ให้ครบทุกขั้นตอนและนำแผนการจัดการเรียนรู้ไปให้กลุ่มเป้าหมาย 9 คน ประเมิน ซึ่งผลการประเมินแผนการจัดการเรียนรู้เชิงสร้างสรรค์โดยใช้เทคนิคอินโฟกราฟิกเพื่อพัฒนาสมรรถนะการใช้เทคโนโลยีของนักเรียนชั้นประถมศึกษาโรงเรียนทุ่งฝางวิทยา ผลการประเมินมีความสมบูรณ์ถูกต้องและมีคุณภาพเหมาะสมมากที่สุด โดยซึ่งมีค่าเฉลี่ย 4.82 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 0.31
การสร้างแบบประเมินสมรรถนะการใช้เทคโนโลยีเชิงสร้างสรรค์ของนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาโรงเรียนทุ่งฝางวิทยา จังหวัดลำปาง สร้างโดยใช้เกณฑ์การประเมินสมรรถสมรรถนะสำคัญของผู้เรียนด้านความสามารถในการใช้เทคโนโลยีมีของนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาของหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 เป็นแนวทางในการสร้างแบบการประเมิน นำไปให้กลุ่มเป้าหมาย 9 คน ประเมิน ผลการประเมินมีความสมบูรณ์ถูกต้องและมีคุณภาพเหมาะสมมากที่สุด โดยซึ่งมีค่าเฉลี่ย มีค่าเฉลี่ย 4.79 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 0.31
การศึกษาครั้งนี้จะช่วยให้ครูผู้สอนมีเครื่องมือในการจัดการเรียนรู้ที่ส่งเสริมความรู้ ความเข้าใจ ให้กับนักเรียนเกี่ยวกับท้องถิ่นของตนเอง และทำให้นักเรียนมีทักษะกระบวนการทางเทคโนโลยีเพื่อการพัฒนาความสามารถในการใช้เทคโนโลยีของตนเองและสังคม
Downloads
เอกสารอ้างอิง
ชนาธิป พรกุล. (2551). การออกแบบการสอน. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
เชษฐภูมิ วรรณไพศาล. (2560). ระเบียบวิธีวิจัยทางสังคมศึกษา : หลักการและการประยุกต์. พิมพ์ครั้งที่ 1. เชียงใหม่: บริษัทคลองช่าง พริ้นติ้ง จำกัด.
ทิชพร นามวงศ์. (2560). การออกแบบอินโฟกราฟิกเพื่อพัฒนาความคิดสร้างสรรค์. Veridian E-Journal Science and Technology , 4(4), 14-25.
ทิศนา แขมมณี. (2559). ศาสตร์การสอน. พิมพ์ครั้งที่ 20. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
พรวนา รัตนชูโชค. (2559). การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศสำหรับการศึกษาในด้านการอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่น ในพื้นที่เทศบาลเมืองเมืองแกนพัฒนา อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่. วารสารวิจัยราชภัฏเชียงใหม่, 17(1), 69-80.
สถาบันดำรงราชานุภาพ. (2559). ทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่ายด้วย Infographics. สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย. กรุงเทพฯ: บริษัทบพิธการพิมพ์ จำกัด.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
1. บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ใน “Community and Social Development Journal” ถือเป็นลิขสิทธิ์ของ Community and Social Development Journal มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ และเพื่อให้เผยแพร่บทความได้อย่างเหมาะสมผ่านสื่อสิ่งพิมพ์และอิเล็กทรอนิกส์ ผู้เขียนยังคงถือครองลิขสิทธิ์บทความที่ตีพิมพ์ภายใต้ใบอนุญาต Creative Commons Attribution (CC BY) ซึ่งอนุญาตให้เผยแพร่บทความซ้ำในแหล่งอื่นได้ โดยอ้างอิงต้องอ้งอิงบทความในวารสาร ผู้เขียนต้องรับผิดชอบในการขออนุญาตผลิตซ้ำเนื้อหาที่มีลิขสิทธิ์จากแหล่งอื่น
2. เนื้อหาบทความที่ปรากฏในวารสารเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรง ซึ่งกองบรรณาธิการวารสารไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยหรือร่วมรับผิดชอบใดๆ



