ลักษณะผู้บริหารมืออาชีพ ตามทัศนะของผู้บริหารและครูในโรงเรียน อำเภอเมือง จังหวัดพะเยา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต36
DOI:
https://doi.org/10.14456/rcmrj.2017.209662บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาและเปรียบเทียบลักษณะผู้บริหารมืออาชีพ ศึกษาปัญหาและข้อเสนอแนะ เกี่ยวกับลักษณะผู้บริหารมืออาชีพ ตามทัศนะของผู้บริหารและครูในโรงเรียน อำเภอเมือง จังหวัดพะเยา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 36 ประชากรที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ได้แก่ ผู้บริหารและครูในโรงเรียน อำเภอเมือง จังหวัดพะเยา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 36 ปีการศึกษา 2558 จำนวนทั้งหมด 274 คน เครื่องมือในการวิจัยครั้งนี้ เป็นแบบสอบถามทัศนะผู้บริหารมืออาชีพ ตามทัศนะของผู้บริหารและครูในโรงเรียน อำเภอเมือง จังหวัดพะเยา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 36 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์สำเร็จรูป สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าความถี่ (Frequencies) ค่าร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่า t-test และ F-test
ผลการวิจัย พบว่า
1. ลักษณะผู้บริหารมืออาชีพ ตามทัศนะของผู้บริหารและครูในโรงเรียน อำเภอเมืองจังหวัดพะเยา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 36 พบว่า โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด และเมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุดได้แก่ ด้านคุณลักษณะส่วนบุคคลของผู้บริหาร รองลงมา คือ ด้านบทบาทในการบริหารและการจัดการศึกษา และด้านคุณลักษณะทางวิชาชีพของผู้บริหาร ตามลำดับ
2. การเปรียบเทียบลักษณะของผู้บริหารมืออาชีพตามทัศนะของผู้บริหารและครูในโรงเรียน อำเภอเมือง จังหวัดพะเยา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 36 โดยการทดสอบสมมติฐาน พบว่า 2.1) ผู้บริหารและครูที่มีเพศต่างกัน มีทัศนะต่อลักษณะผู้บริหารมืออาชีพ โดยภาพรวมแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ด้านคุณลักษณะทางวิชาชีพของผู้บริหาร แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 2.2) ผู้บริหารและครูที่มีวุฒิการศึกษาต่างกัน มีทัศนะต่อลักษณะผู้บริหารมืออาชีพโดยภาพรวมและรายด้านไม่แตกต่างกัน 2.3) ผู้บริหารและครู ที่มีประสบการณ์ในการทำงานต่างกัน มีทัศนะต่อลักษณะ ผู้บริหารมืออาชีพ โดยภาพรวมไม่แตกต่างกัน เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ด้านคุณลักษณะทางวิชาชีพของผู้บริหาร แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และด้านคุณลักษณะส่วนบุคคลของผู้บริหาร แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 2.4) ผู้บริหารและครู ที่มีสถานภาพในการปฏิบัติงานต่างกัน มีทัศนะต่อลักษณะ ผู้บริหารมืออาชีพ โดยภาพรวมและรายด้านไม่แตกต่างกัน
3. ปัญหาและข้อเสนอแนะอื่น ๆ 3.1) ปัญหาและข้อเสนอแนะด้านบทบาทในการบริหารและการจัดการศึกษา ปัญหาด้านบทบาทในการบริหารและการจัดการศึกษา พบว่า บุคลากรที่เกี่ยวข้องกับการบริหารยังขาดคุณสมบัติที่เหมาะสม มีความถี่สูงสุด รองลงมา การประสานความสัมพันธ์กับชุมชนทำให้บุคลากรต้องใช้เวลาเพิ่มขึ้นนอกเหนือจากเวลาทำงานปกติ และโรงเรียนส่วนใหญ่จะกระตือรือร้นในการจัดทำโครงการและดำเนินการเปลี่ยนแปลงในเรื่องต่าง ๆ อย่างมาก แต่เมื่อไม่ปรากฏผลสำเร็จรวดเร็วดังที่คาดหวัง ทําให้เกิดความท้อแท้ ตามลำดับ ข้อเสนอแนะด้านบทบาทในการบริหารและการจัดการศึกษา ได้แก่ ผู้บริหารควรเผยแพร่ประชาสัมพันธ์และให้ความรู้อย่างทั่วถึง มีความถี่สูงสุด รองลงมา กําหนดบทบาทหน้าที่ของคณะกรรมการสถานศึกษาและให้มีการกําหนดมาตรฐานงานของคณะกรรมการสถานศึกษาให้ชัดเจน และสนับสนุนให้ครูปฏิบัติหน้าที่ร่วมกับคณะกรรมการสถานศึกษาอย่างใกล้ชิด ตามลำดับ 3.2) ปัญหาและข้อเสนอแนะด้านคุณลักษณะทางวิชาชีพของผู้บริหาร ปัญหาด้านคุณลักษณะทางวิชาชีพของผู้บริหาร พบว่า ผู้บริหารยังขาดความรู้ที่เหมาะสมกับวิชาชีพของตนเอง เนื่องจากผู้บริหารบางคนยังขาดวุฒิการศึกษาด้านการบริหารระดับปริญญาโท หรือสูงกว่า มีความถี่สูงสุด รองลงมา ผู้บริหารไม่ส่งเสริมให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาและผู้บริหารขาดประสบการณ์ในการบริหารงานอย่างเป็นระบบ ตามลำดับ ข้อเสนอแนะด้านคุณลักษณะทางวิชาชีพของผู้บริหาร ได้แก่ ผู้บริหารควรพัฒนาตนเองในด้านการบริหารโดยศึกษาต่อระดับปริญญาโทหรือสูงกว่าสาขาการบริหารสถานศึกษา มีความถี่สูงสุด รองลงมาควรส่งเสริมให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา และควรศึกษาดูงานจากโรงเรียนที่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานภายนอกเพื่อนำมาประยุกต์ใช้ในการบริหารงานโรงเรียนของตน ตามลำดับ 3.3) ปัญหาและข้อเสนอแนะด้านคุณลักษณะส่วนบุคคลของผู้บริหาร ปัญหาด้านคุณลักษณะส่วนบุคคลของผู้บริหาร พบว่า ผู้บริหารมีความลำเอียงไม่ยุติธรรมในการปฏิบัติงานและพิจารณาความดีความชอบ มีความถี่สูงสุด รองลงมา ผู้บริหารไม่สามารถตัดสินใจและแก้ปัญหาด้วยตนเองได้ และผู้บริหารไม่มีใจเปิดกว้างและรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น ตามลำดับ ข้อเสนอแนะด้านคุณลักษณะส่วนบุคคลของผู้บริหาร ได้แก่ ผู้บริหารควรควรมีความยุติธรรมในการบริหารงาน มีความถี่สูงสุด รองลงมา ควรมีความกล้าในการตัดสินใจและแก้ไขปัญหาอย่างมั่นใจ และควรรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นเพื่อเป็นส่วนประกอบในการตัดสินใจ ตามลำดับ
Downloads
เอกสารอ้างอิง
ชลอ เอี่ยมสอาด. (2554, ตุลาคม 1). การปฏิรูปการศึกษาในรอบที่สอง. เดลินิวส์. หน้า : 7-9.
ณัฐชยารัตน์ ชูมีวศิน. (2552). คุณลักษณะที่พึงประสงค์ของผู้บริหารที่สัมพันธ์กับการบริหารศูนย์
การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอ. วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร.
ถวัลย์ หงษ์ไทย. (2546). การศึกษาสภาพและความต้องการพัฒนาความเป็นผู้บริหารมืออาชีพของผู้บริหารโรงเรียนประถมศึกษา สังกัดสำ นักงานการประถมศึกษาจังหวัดชัยภูมิ. วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา บัณฑิตวิทยาลัย สถาบันราชภัฏนครราชสีมา.
ปรารภ หลงสมบุญ. (2552). คุณลักษณะของผู้บริหารที่ส่งผลต่อการมีส่วนร่วมของชุมชนในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษานครปฐม เขต 2. วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร.
พิพัฒน์ วิเชียรสุวรรณ. (2547). แผนการศึกษาแห่งชาติ. กรุงเทพมหานคร : เดอะบุคส์.
ไพศาล ตั้งสมบูรณ์. (2548). การใช้หลักธรรมาภิบาลในการบริหารของผู้บริหารสถานศึกษาสังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสมุทรสาคร.สาระนิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต คณะศึกษาศาสตร์.กรุงเทพมหานคร : มหาวิทยาลัยศิลปากร.
รุ่ง แก้วแดง. (2545). ปฏิวัติการศึกษาไทย. กรุงเทพมหานคร : สำนักพิมพ์มติชน.
สุพล วังสินธ์. (2545). ผู้บริหารสถานศึกษาที่มีประสิทธิภาพ ในยุคปฏิรูปการศึกษา.กรุงเทพมหานคร : สำนักพิมพ์มติชน.
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. (2547). สมรรถนะผู้บริหาร. กรุงเทพมหานคร : กระทรวงศึกษาธิการ.
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเชียงราย เขต 2. (2553). ระเบียบสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเชียงราย เขต 2 ว่าด้วยการบริหารกลุ่มเครือข่ายการศึกษา พ.ศ. 2553. เชียงราย : (อัดสำเนา)
John W. Best.1981.Research in Education, 4 th ed. New Jersey : Prentice – Hall Inc.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
1. บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ใน “Community and Social Development Journal” ถือเป็นลิขสิทธิ์ของ Community and Social Development Journal มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ และเพื่อให้เผยแพร่บทความได้อย่างเหมาะสมผ่านสื่อสิ่งพิมพ์และอิเล็กทรอนิกส์ ผู้เขียนยังคงถือครองลิขสิทธิ์บทความที่ตีพิมพ์ภายใต้ใบอนุญาต Creative Commons Attribution (CC BY) ซึ่งอนุญาตให้เผยแพร่บทความซ้ำในแหล่งอื่นได้ โดยอ้างอิงต้องอ้งอิงบทความในวารสาร ผู้เขียนต้องรับผิดชอบในการขออนุญาตผลิตซ้ำเนื้อหาที่มีลิขสิทธิ์จากแหล่งอื่น
2. เนื้อหาบทความที่ปรากฏในวารสารเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรง ซึ่งกองบรรณาธิการวารสารไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยหรือร่วมรับผิดชอบใดๆ



