การพัฒนาหลักสูตรสิ่งแวดล้อมบนพื้นที่สูงสำหรับนักศึกษาสังกัดสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย อำเภอเชียงดาวและอำเภอไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่
DOI:
https://doi.org/10.14456/rcmrj.2016.214985คำสำคัญ:
การพัฒนาหลักสูตรสิ่งแวดล้อมบนพื้นที่สูง, แผนการจัดการเรียนรู้, นักศึกษาสังกัดสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดเชียงใหม่บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสภาพและปัญหาสิ่งแวดล้อมบนพื้นที่สูงในอำเภอเชียงดาวและอำเภอไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่ 2) เพื่อพัฒนาหลักสูตรสิ่งแวดล้อมบนพื้นที่สูงสำหรับนักศึกษาสังกัดสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย อำเภอเชียงดาวและอำเภอไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่ และ 3) เพื่อทดสอบและเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่องสิ่งแวดล้อมบนพื้นที่สูงสำหรับนักศึกษาของศูนย์การเรียนรู้การเรียนรู้ชุมชนชาวไทยภูเขา (ศศช.) และ ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.ตำบล) อำเภอเชียงดาวที่เป็นกลุ่มทดลองและอำเภอไชยปราการที่เป็นกลุ่มควบคุมในสังกัดสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดเชียงใหม่ โดยใช้วิธีการวิจัยเชิงคุณภาพจากเอกสาร การสำรวจชุมชน และการสัมภาษณ์ ใช้แบบสอบถามเรื่องปัญหาและปัจจัยที่ส่งผลต่อส่งแวดล้อมบนพื้นที่สูง จากผู้บริหาร ครู เจ้าหน้าที่ พระนักพัฒนา ผู้นำชุมชน และนักศึกษา และใช้แบบทดสอบผู้เรียนในด้านความรู้ (K) ทัศนคติ (A) และพฤติกรรม/การปฏิบัติ (P) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนทั้งการทดสอบก่อนเรียน (Pre–test) และหลังเรียน (Post-test) ที่ได้มาจากนักศึกษาระดับประถมศึกษาของศูนย์การเรียนรู้ชุมชนชาวไทยภูเขา (ศศช.) และศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) จังหวัดเชียงใหม่ (บนพื้นที่สูง) ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2558 ทั้งหมด 15 อำเภอ รวมทั้งสิ้น 5,237 คน ทำการสุ่มตัวอย่างแบบแบ่งกลุ่ม (Cluster Random Sampling ) โดยเลือกมา 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเชียงดาวและอำเภอไชยปราการ แล้วใช้การสุ่มอย่างง่ายโดยการจับฉลากใน 2 อำเภอ เพื่อเลือกมาอำเภอละ 2 ศูนย์การเรียนรู้ คือ ศูนย์การเรียนรู้ชุมชนชาวไทยภูเขา (ศศช.) และศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) กำหนดให้อำเภอเชียงดาวเป็นกลุ่มทดลอง โดยทั้ง 2 ศูนย์การเรียนรู้ มีผู้มาเรียนประจำ 27 คน และให้อำเภอไชยปราการ เป็นกลุ่มควบคุม โดยทั้ง 2 ศูนย์การเรียนรู้ มีผู้มาเรียนประจำ 25 คน และทำการแบบประเมินความพึงพอใจของกลุ่มทดลองต่อการใช้หลักสูตรฯ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้การสรุปเรียบเรียงเนื้อหาที่ได้จากข้อมูลเชิงคุณภาพ และใช้สถิติที่เป็นค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และ t-test แบบกลุ่มตัวอย่างที่เป็นอิสระต่อกัน สำหรับการวิจัยเชิงปริมาณ
ผลการวิจัยพบว่า
1. สภาพและปัญหาสิ่งแวดล้อมบนพื้นที่สูงในอำเภอเชียงดาวและอำเภอไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่ ส่วนใหญ่มาจากความอุดมสมบูรณ์ของป่าไม้และทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งต่อมามีปัญหาความไม่สมดุลของสิ่งแวดล้อม เช่น การตัดไม้ทำลายป่า การบุกรุกพื้นที่ป่า การเผาป่า ปัญหาหมอกควัน ระบบนิเวศเสียหาย อากาศร้อนขึ้น น้ำท่วม ภาวะแห้งแล้ง ดินถล่มและเสื่อมสภาพ สัตว์ป่าลดน้อยลง รวมถึงปัญหาขยะมูลฝอย โดยที่แนวทางการแก้ไขจะต้องมาจากการศึกษาเพื่อที่จะปลูกฝังจิตสำนึกของคนให้เกิดความร่วมมือในการดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมนั้น รวมถึงผลการสำรวจสภาพแวดล้อมในชุมชนและการศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อการแก้ไขปัญหานั้นจำเป็นต้องอาศัยการพัฒนาหลักสูตรสิ่งแวดล้อมบนพื้นที่สูง และเป็นไปในแบบบูรณาการโดยจะต้องร่วมมือกันของทุกฝ่าย
2. ผลการพัฒนาหลักสูตรสิ่งแวดล้อมบนพื้นที่สูงสำหรับนักศึกษาสังกัดสำนักงานส่งเสริม การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดเชียงใหม่ ได้หลักสูตรที่มีแผนการจัดการเรียนรู้ 9 สาระการเรียนรู้ จำนวน 40 ชั่วโมง และแผนกิจกรรมเสริมสร้างประสบการณ์ จำนวน 30 ชั่วโมง รวมเป็น 70 ชั่วโมง
3. ผลการทดสอบและเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียน พบว่า คะแนนเฉลี่ยด้านความรู้ (K) ทัศนคติ (A) และพฤติกรรม/การปฏิบัติ (P) ที่ถูกต้องและเหมาะสมของนักศึกษากลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุมหลังเข้าร่วมโปรแกรมการพัฒนาหลักสูตรสิ่งแวดล้อมบนพื้นที่สูงของกลุ่มทดลองแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 กล่าวคือ นักศึกษาที่เข้าร่วมโปรแกรมการพัฒนาฯ มีคะแนนเฉลี่ยรวมทุกด้านสูงขึ้นกว่าเดิมและสูงกว่านักศึกษาที่ไม่ได้เข้าร่วมโปรแกรมฯ และผลความพึงพอใจของนักศึกษากลุ่มทดลองต่อการใช้หลักสูตรฯ พบว่า มีความพึงพอใจต่อการเข้าร่วมโปรแกรมการพัฒนาหลักสูตรฯอยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.25) ซึ่งอาจกล่าวได้ว่า โปรแกรมการพัฒนาหลักสูตรสิ่งแวดล้อมบนพื้นที่สูงที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นเป็นรูปแบบที่พัฒนาผู้เรียนให้มีความรู้ความเข้าใจ เกิดทัศนคติ และมีจิตสำนึกต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ดังนั้นสามารถใช้หลักสูตรที่พัฒนาขึ้นนี้เรียนรู้เรื่องสิ่งแวดล้อมบนพื้นที่สูงได้เป็นอย่างดี
Downloads
เอกสารอ้างอิง
กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช. 2558. ยุทธศาสตร์/มาตรการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน ปี 2558. (ระบบออนไลน์). แหล่งข้อมูล: www.dnp.go.th/forestfire/2558/ยุทธศาสตร์_ปี_/2558pdf (9 มีนาคม 2558)
ณัฐวรรธน์ สุนทรวริทธิโชติ และคณะ 2556. รายงานการวิจัยเรื่องการศึกษาสภาพปัญหาสิ่งแวดล้อมในเขตตำบลสามบัณฑิต : ปัจจัยที่มีผลต่อการพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของประชาชนในตำบลสามบัณฑิต. คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎพระนครศรีอยุธยา.
ธานินทร์ ศิลป์จารุ. 2555. การวิจัยและวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติด้วย SPSS และ AMOS. นนทบุรี: บริษัท เอส. อาร์. พริ้นติ้ง แมสโปรดักส์ จำกัด.
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ สถาบันวิจัยสังคม. 2557. แนวทางการจัดการทรัพยากรบริเวณลุ่มน้ำแม่เสาะ-แม่เลา. (ระบบออนไลน์). แหล่งข้อมูล: www.sri.cmu.ac.th/-srilocal/research_a/DATA/31_A.html (10 มกราคม 2559)
รุ่งทิพย์ บำรุงสุข. 2555. ปัจจัยที่ส่งผลต่อการจัดการสิ่งแวดล้อม : กรณีศึกษาเขตลุ่มน้ำแม่กลอง อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสงคราม. การค้นคว้าอิสระ บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต วิชาเอกการจัดการทั่วไป คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี.
ศรีสุวรรณ เกษมสวัสดิ์. 2553. ผลของการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมในรายวิชาสิ่งแวดล้อมกับการพัฒนาที่ยั่งยืนที่มีต่อพฤติกรรมการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในมหาวิทยาลัยราชภัฎสวนสุนันทา สำหรับนักศึกษาชั้นปีที่ 1-3 สาขาวิชาวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม. (ระบบออนไลน์). แหล่งข้อมูล: www.ssruir.ac.th/bitstream/ssruir/406/1/163-53-1.pd (10 มกราคม 2559)
สุพจน์ สาริบุตร. 2556. ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดสิ่งแวดล้อมในโรงเรียนเถินวิทยา. (ระบบออนไลน์). แหล่งข้อมูล: http ://e–article.plu.ac.th/files/2556/EDU/EDU560406.pdf (29 มีนาคม 2559)
สุภาพร พรไตย. 2557. การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่องชีวิตกับสิ่งแวดล้อมด้วยการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะวิทยาศาสตร์ที่เน้นการคิดวิเคราะห์. (ระบบออนไลน์). แหล่งข้อมูล: ejournals.swu.ac.th/index.php/JSTEL/article/view/4254 (15 มีนาคม 2558)
อุไรวรรณ หาญวงค์. 2551. การพัฒนาหลักสูตรสิ่งแวดล้อมท้องถิ่นที่บูรณาการวิธีการสอนแบบเน้นกระบวนการ สำหรับนักเรียนที่เรียนในกลุ่มคละระดับชั้น. วิทยานิพนธ์ ศึกษาศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาหลักสูตรและการสอน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
1. บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ใน “Community and Social Development Journal” ถือเป็นลิขสิทธิ์ของ Community and Social Development Journal มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ และเพื่อให้เผยแพร่บทความได้อย่างเหมาะสมผ่านสื่อสิ่งพิมพ์และอิเล็กทรอนิกส์ ผู้เขียนยังคงถือครองลิขสิทธิ์บทความที่ตีพิมพ์ภายใต้ใบอนุญาต Creative Commons Attribution (CC BY) ซึ่งอนุญาตให้เผยแพร่บทความซ้ำในแหล่งอื่นได้ โดยอ้างอิงต้องอ้งอิงบทความในวารสาร ผู้เขียนต้องรับผิดชอบในการขออนุญาตผลิตซ้ำเนื้อหาที่มีลิขสิทธิ์จากแหล่งอื่น
2. เนื้อหาบทความที่ปรากฏในวารสารเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรง ซึ่งกองบรรณาธิการวารสารไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยหรือร่วมรับผิดชอบใดๆ



