องค็่ประกอบภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของผู้บริหารสถานศึกษา ขั้นพื้นฐานบนพื้นทสูง

Authors

  • สำเนา หมื่นแจ่ม คณะครุศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฎเชียงใหม่

DOI:

https://doi.org/10.14456/rcmrj.2012.96114

Abstract

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาองค์ประกอบภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของผู้บริหารสถานศึกษาขั้นพื้นฐานบนพื้นที่สูง การดำเนินงานแบ่งเป็น 3 ขั้นตอนคือ ขั้นตอนแรกเป็นการกำหนดกรอบแนวคิดการวิจัย ดำเนินการโดยวิเคราะห์เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ขั้นตอนที่ 2 เป็นการพัฒนาทฤษฎีฐานวิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลใช้การสัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth Interview) การสังเกตแบบไม่มีโครงสร้าง (Unstructured Observation) และการสนทนากลุ่ม (Focus Group Discussion) ผู้ให้ข้อมูลประกอบด้วยนักเรียน ผู้ปกครองนักเรียน และคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูลโดยวิธีการวิเคราะห์เนื้อหา(Content Analysis) ขั้นตอนที่ 3 เป็นการตรวจสอบทฤษฎีฐานราก ใช้วิธีการสอบถามเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลได้แก่แบบสอบถาม (Questionnaire) มีลักษณะเป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า 9 ระดับ มีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับมีค่า 0.93 ผู้ให้ข้อมูลทั้งหมด 668 คน คือผู้บริหารสถานศึกษาขั้นพื้นฐานบนพื้นที่สูงที่บริหารจัดการสถานศึกษาได้อย่างมีคุณภาพ ใช้วิธีการสุ่มอย่างง่าย (Simple Random Sampling) ด้วยสูตรของทาโร ยามาเน่ (Yamane, 1970) ได้ผู้บริหารสถานศึกษาขั้นพื้นฐานบนพื้นที่สูงจำนวน 490 คนการวิเคราะห์ข้อมูลโดยการวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยัน

 ผลจากการพัฒนาทฤษฎีฐานรากได้องค์ประกอบภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของผู้บริหารสถานศึกษาขั้นพื้นฐานบนพื้นที่สูง 5 ประการได้แก่ การมีอุดมการณ์ (Ideology) ความคิดสร้างสรรค์(Creative Thinking) การเป็นแบบอย่างที่ดี (Role Modeling) การสร้างแรงบันดาลใจ (Inspiration)และการสร้างวัฒนธรรมการทำงานแบบมีส่วนร่วม (Participatory working culture) และผลการตรวจสอบองค์ประกอบเชิงยืนยันพบว่ามีความสอดคล้องกับข้อมูลเชิงประจักษ์ C)C= 111.25, p-value = 0.108, df = 94, RMSEA = 0.019, GFI=0.97, AGFI = 0.96 และ RMR=0.029)

องค์ประกอบที่มีความสำคัญที่สุดคือการสร้างแรงบันดาลใจ มีค่านาหนักเท่ากับ 0.83 รองลงมาคือองค์ประกอบด้าน การสร้างวัฒนธรรมการทำงานแบบมีส่วนร่วม มีค่านาหนักเท่ากับ 0.82

The Factors of Transformational Leadership of Highland Basic School Administrators

The purpose of this research was to study the factors of transformational leadership of Highland Basic School Administrators. The research implementation was conducted in three steps. The first step was the identification of the conceptual framework for the research. The analysis of secondary data and all related reviews of literature were included. The second step was the development of the grounded theory. The data was collected through in-depth interviews, unstructured observation, and focus group discussions. The key informants were teachers, students, parents, and the school board committee members. The qualitative data was analyzed with the content analysis method. The third step was testing of the grounded theory. The data was collected by a set of 9-rating scale questionnaire. There were total of 668 key informants. Some 490 of these were Highland Basic School Administrators who efficiently administered the schools on highland. The number of samples was calculated with the Yamane’s Simple Random Sampling Method (Yamane, 1970) by the data analysis on the confirmatory factors.

The findings of this study were as the followings.

The result of the grounded development revealed five factors of transformational leadership of highland basic school administrators, which are “Ideology,” “Creative thinking,” “Role modeling,” “Inspiration” and “Participatory working cult lire.”

After checking with the factors of the transitional leadership of the Highland Basic school Administrators, the finding reveals that all were consistent with the empirical data (jC= 111.25, p-value=0.108, d^94 RMSEA=0.019, GFI=0.97, AGFI=0.96, RMR=0.029). The most important factor was “Inspiration” with the factor loading value of 0.83. The next highest aspects was “Participatory working culture” the factor loading value of 0.82.

Downloads

How to Cite

หมื่นแจ่ม ส. (2012). องค็่ประกอบภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของผู้บริหารสถานศึกษา ขั้นพื้นฐานบนพื้นทสูง. Community and Social Development Journal, 13(2), 53–69. https://doi.org/10.14456/rcmrj.2012.96114

Issue

Section

บทความวิจัย (RESEARCH ARTICLE)