การพัฒนารูปแบบการเรียนรู้ภาษาอังกฤษตามแนวทางการจัดการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 เพื่อเสริมสร้างทักษะการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาและประเมินประสิทธิภาพของรูปแบบการเรียนรู้ภาษาอังกฤษที่ส่งเสริมทักษะการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ตามแนวทางศตวรรษที่ 21 โดยใช้วิธีวิจัยและพัฒนา (R&D) ประกอบด้วย 3 ขั้นตอน ได้แก่ การศึกษาข้อมูลพื้นฐาน การพัฒนารูปแบบ และการศึกษาประสิทธิผล กลุ่มเป้าหมายคือนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/10 จำนวน 36 คน เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 /10 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2567 คัดเลือกโดยวิธีสุ่มแบบกลุ่ม เครื่องมือวิจัยได้แก่ แผนการจัดการเรียนรู้ แบบทดสอบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน แบบทดสอบทักษะการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ และแบบสำรวจความพึงพอใจ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนาและสถิติอนุมาน ผลการวิจัยพบว่ารูปแบบการเรียนรู้ที่พัฒนาขึ้นมี 5 ขั้นตอน (รับรู้ปัญหา ระดมความคิด สร้างทางเลือก แก้ปัญหา และสร้างองค์ความรู้) มีค่าประสิทธิภาพ (E1/E2) เท่ากับ 86.28/86.77 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ 80/80 และมีค่าดัชนีประสิทธิผล (E.I) เท่ากับ 0.80 ทักษะการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ของนักเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่าง มีนัยสำคัญทางสถิติ (p < .05) และนักเรียนมีความพึงพอใจต่อรูปแบบการเรียนรู้ในระดับมากที่สุด สรุปได้ว่ารูปแบบการเรียนรู้ที่พัฒนาขึ้นสามารถส่งเสริมทักษะการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์และพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ประกาศลิขสิทธิ์จะปรากฏในเกี่ยวกับวารสาร ควรอธิบายสำหรับผู้อ่านและผู้เขียนว่าเจ้าของลิขสิทธิ์เป็นผู้เขียนวารสารหรือบุคคลที่สาม ควรรวมถึงข้อตกลงการอนุญาตเพิ่มเติม (เช่นใบอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์) ที่ให้สิทธิ์แก่ผู้อ่าน (ดูตัวอย่าง) และควรให้วิธีการรักษาความปลอดภัยหากจำเป็นสำหรับการใช้เนื้อหาของวารสาร
เอกสารอ้างอิง
กระทรวงศึกษาธิการ. (2551). หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ:
โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด.
เกศรา อินทะนนท์. (2566). การพัฒนารูปแบบการเรียนรู้แบบผสมผสานเพื่อส่งเสริมความสามารถ ด้าน
การอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย. วิทยานิพนธ์ปริญญาปรัชญาดุษฏีบัณฑิต บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยแก่น.
กัญญารัตน์ โคจร. (2554). การพัฒนารูปแบบการเรียนรู้การแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ (CPS Learning
Model) เรื่องสารและสมบัติของสาร สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1. ปริญญาการศึกษาดุษฎีบัณฑิต (วิทยาศาสตรศึกษา). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.
จอห์น แบเรลล์. (2556). การตั้งคำถามเพื่อกระตุ้นการคิด: How to ask questions that make students
think. (พิมพ์ครั้งที่ 2). แปลโดย ณัฐยา สินตระการผล. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.
ชัยยงค์พรหมวงศ์ สมเชาว์เนตรประเสรฐิ และสุดา สนิสกุล. (2560). ระบบสื่อการสอน.กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์
มหาวิทยาลัย
ทิศนา แขมมณี. (2558). ศาสตร์การสอน: องค์ความรู้เพื่อการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ
(พิมพ์ครั้งที่ 9). กรุงเทพฯ:สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ถิรนันท์ ปานศุภวัชร. (2565). พัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนภาษาอังกฤษตามแนวการสอนแบบ
ปฏิสัมพันธ์ร่วมกับการเรียนรู้แบบร่วมมือ เพื่อส่งเสริมความสามารถการอ่านเพื่อความเข้าใจและ
ความสุขในการเรียนรู้ของนักศึกษาระดับปริญญาตรี. วิทยานิพนธ์ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาหลักสูตร
และการสอน (กลุ่มหลักสูตรและการนิเทศ) มหาวิทยาลัยศิลปากร. สืบค้นจาก:
http://ithesis-ir.su.ac.th/dspace/bitstream/123456789/4359/1/620630010.pdf
ธีรชัย เนตรถนอมศักดิ์. (2561). การพัฒนาหลักสูตรและกระบวนการเรียนรู้ในระดับประถมศึกษา (พิมพ์
ครั้งที่ 1). ขอนแก่น: หจก.โรงพิมพ์คลังนานาวิทยา.
นพคุณ คุณาชีวะ . (2566). การจัดการเรียนรู้แบบการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ (CPS) [Electronic
version]. Interdisciplinary Academic and Research Journal, 3(6), 649-668
ปิยะดา เนียมสุวรรณ. (2564). การจัดการเรียนการสอนเพื่อเสริมสร้างทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ใน
รูปแบบวิถีชีวิตใหม่. สารนิพนธ์ปริญญาการจัดการมหาบัณฑิต วิทยาลัยการจัดการมหาวิทยาลัย มหิดล. สืบค้นจาก: https://archive.cm.mahidol.ac.th/handle/123456789/4237
พิมพันธ์ เดชะคุปต์และพเยาว์ ยินดีสุข. (2557). การจัดการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21. กรุงเทพฯ:โรงพิมพ์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
พระบรมราโชวาท. (2535). พระบรมราโชวาทเนื่องในวันข้าราชการพลเรือน ปี พุทธศักราช ๒๕๓๕. สืบค้น
จาก:https://www.nesdc.go.th/article_attach/article_file_20200415131410.pdf
ไพฑูรย์ สินลารัตน์. (2557). เติบโตเต็มตามศักยภาพ สู่ศตวรรษที่ 21ของการศึกษาไทย. กรุงเทพฯ:
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
_______. (2559). คิดสร้างสรรค์ : สอนและสร้างได้อย่างไร. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ศรเนตร อารีโสภณพิเชฐ. (2558). ศาสตร์การคิด. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์.
ศิวพร คล้ายเจ๊ก. (2566). การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ 3CPR แบบผสมผสานตามวัฏจักรการเรียนรู้
ด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้สื่อสร้างสรรค์ ฐานประสบการณ์แห่งชีวิต. วารสารวิชาการและวิจัย มท
ร.พระนคร สาขามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์, 8(1), 1-22. สืบค้นจาก:
https://so05.tcithaijo.org/index.php/rmutphuso/article/download/263055/178501
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากาฬสินธุ์. (2566).รายงานผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติ
ขั้นพื้นฐาน (O-NET) ปีการศึกษา 2566. กาฬสินธุ์: กลุ่มนิเทศ ติดตามและประเมินผลการจัดการศึกษาสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา.
กระทรวงศึกษาธิการ. (2560). แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ 2560 - 2579. กรุงเทพฯ: พริกหวานกราฟฟิค.
สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา, สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน, กระทรวงศึกษาธิการ.
(2553). หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพฯ:โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย.
สุพจนินท์ ดวงจินดา เสถียรพันธ์. (2563). ประสิทธิภาพของการจัดการเรียนรู้แบบโครงงาน เพื่อเพิ่มพูน
ทักษะ 4C แห่งศตวรรษที่ 21 ในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ.รายงานการวิจัยฉบับสมบูรณ์ สถาบันภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยรังสิต, สนับสนุนทุนวิจัยโดยศูนย์เรียนรู้มหาวิทยาลัยรังสิต ประจำปีการศึกษา 2563. สีบค้นจาก: https://rsuirlibrary.rsu.ac.th/bitstream/123456789/1382/1/Supachanin%20%20Duangchinda%20%20Sathianpan.pdf
สิทธิชัย ชมพูพาทย์. (2554). การจัดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการคิดสร้างสรรค์ของนักเรียน.
กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
อรุณี วิริยะจิตรา, วรรณดี สุทธินรากุล, &สมชาย สันติวัฒนกุล. (2555). การจัดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อส่งเสริม
ความสามารถในการคิดและการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ของนักเรียนประถมศึกษา. วารสารวิจัย
และพัฒนาการศึกษา, 7(2), 1–15.
Craft, A. (2005). Creativity in schools: Tensions and dilemmas. Routledge.
Guilford, J.P. (1978). Fundamental Statistics in Psychology and Education (4th ed). Tokyo:
Kodakusha.
Isaken, S.G., Dorval, K &Treffinger, D. (2011). Creative Approaches to Problem Solving:
A framework for Innovation and Change (3rd ed). California: SAGE Publications.Inc.
Joyce and Weil (2004). Model of Teaching. Boston: Allyn and Bacon.
Kay Ken. (2554). ทักษะแห่งอนาคตใหม่: การศึกษาเพื่อศตวรรษที่ 21. แปลจาก 21st Century Skills:
Rethinking How Students Learn. แปลโดย วรพจน์ วงศ์กิจรุ่งเรืองและอธิป จิตตฤกษ์.กรุงเทพฯ : โอเพนเวิร์ด.
Noller, R. B. (1979). Understanding the creative process: A review of models. The Journal of
Creative Behavior, 13(2), 77–87. https://doi.org/10.1002/j.2162-6057.1979.tb00205.x
Osborn, A. F. (1953). Applied imagination. Scribner'S
Runco, M. A., &Acar, S. (2012). Divergent thinking as an indicator of creative potential. Creativity
Research Journal, 24(1), 66–75. https://doi.org/10.1080/10400419.2012.652929
Slavin, R.E. (1990). Co-operative learning: Theory, research and practice. Prentice Hall,
Englewood Cliffs. Retrieved From:
https://www.scirp.org/reference/referencespapers?referenceid=1062597
Torrance, E. P. (1972). Predictive validity of the Torrance Tests of Creative Thinking. The
Journal of Creative Behavior, 6(4), 236–252.https://doi.org/10.1002/j.2162-6057.1972.tb00936.x
Vagias, Wade M. (2006). Likert-Type Scale Response Anchors. Clemson International Institute
for Tourism & Research Development, Department of Parks, Recreation and Tourism
Management. Clemson University.
Vathanavong, T., Tungkasamit, A., Thinwiangthong, S. (2024). Enhancing professional
development With Lesson study training for Lecturers at Higher education institutions in the Lao PDR. FWU Journal of Social Sciences, 18(1): 104-119. Retrieved From: DOI: http://doi.org/10.51709/19951272/Spring2024/8