ผลการจัดการเรียนรู้สังคมศึกษาด้วยการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานร่วมกับวิธีคิดแบบหมวก 6 ใบ ที่มีต่อการรู้เท่าทันสื่อของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
DOI:
https://doi.org/10.53848/irdssru.v13i2.250614คำสำคัญ:
สังคมศึกษา, การจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน, วิธีคิดแบบหมวก 6 ใบ, การรู้เท่าทันสื่อบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบการรู้เท่าทันสื่อของนักเรียนระหว่างก่อนและหลังได้รับการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานร่วมกับเทคนิควิธีคิดแบบหมวก 6 ใบ และเพื่อเปรียบเทียบการรู้เท่าทันสื่อของนักเรียนระหว่างหลังได้รับการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานร่วมกับเทคนิควิธีคิดแบบหมวก 6 ใบ กับเกณฑ์ที่กำหนด (ร้อยละ 60) กลุ่มตัวอย่างในการวิจัย คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 ทั้งหมด 1 ห้อง จำนวน 40 คน ซึ่งทำการสุ่มโดยวิธีการสุ่มแบบกลุ่ม (cluster random sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย หน่วยการเรียนรู้สังคมศึกษาโดยใช้ปัญหาเป็นฐานร่วมกับวิธีคิดแบบหมวก 6 ใบ และ แบบวัดการรู้เท่าทันสื่อ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การใช้สถิติทดสอบ t-test for dependent และ t-test for one group ผลวิจัยพบว่า 1) นักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานร่วมกับวิธีคิดแบบหมวก 6 ใบ มีการรู้เท่าทันสื่อหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 2) นักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานร่วมกับวิธีคิดแบบหมวก 6 ใบ มีการรู้เท่าทันสื่อหลังเรียนสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด (ร้อยละ 60) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05
References
Barrows H. S. and R. M. Tamblyn. (1980). Problem-Based Learning: An Approach to Medical Education. New York: Springer.
Electronic Transactions Development Agency Ministry of Digital Economy and Society. (2020). Report of the survey of internet user behavior in Thailand, year 2019. Bangkok: Ministry of Digital Economy and Society
Kanok J. and Walai I.(2014). EFFECTS OF ORGANIZING PROBLEM-BASED LEARNING ACTIVITIES IN SOCIAL STUDIES SUBJECT ON PROBLEM SOLVING ABILITIES. An Online Journal of Education. 9(1), 42-55.
Kasetsart University Research and Development Institute. (2004). Media Literacy Knowledge Development = Media Literay: Concepts, Principles, and Case Studies. Media Literacy for Health. Bangkok: Kasetsart University Research and Development Institute
Napatsawan J. (2013). The Development of Achievement and Analytical Thinking Abilities on The Economics in Daily Life Unit of Prathomsuksa 6 Students by Using The Six Thinking Hats. Master of Education Thesis (Teaching Social Studies), Silpakorn University.
Office of the Education Council. (2007). Learners-Based Learning Management Course, Volume 1, Six Thinking Hat. Bangkok: Bureau of Academic Affairs and Educational Standards.
Office of the National Broadcasting and Telecommunications Commission. (2012). 100 things to know about radio and television media consumers. Bangkok: Office of the National Broadcasting and Telecommunications Commission.
Ousa B. (2012). Media and Information Literacy. Suthiparithat Journal. 26(80), 150-151.
Pathitta R. Wichian T. and Saifon V. (2016). DEVELOPMENT OF A YOUTH MEDIA LITERACY CURRICULUM BASED ON PARTICIPATION LEARNING FOR JUNIOR SECONDARY SCHOOL STUDENTS. JOURNAL OF EDUCATION NARESUAN UNIVERSITY, 18(4), 156-170.
Porntip Y. (2003). Media Literacy. Manutsayasat Wichakan Journal. 11,118
Porntip Y. (2018). Deciphering ideas for media literacy. Bangkok: Offset Creation Co., Ltd.
Sukon S. (2012). Developing thinking skills - according to educational reform guidelines. Bangkok: Chulalongkorn University Book Center.
Tisana K. (2010). Science of Teaching Pedagogy. (13thed). Bangkok: Chulalongkorn University Book Center.
เผยแพร่แล้ว
Versions
- 23-02-2022 (4)
- 23-02-2022 (3)
- 23-02-2022 (2)
- 22-12-2021 (1)
How to Cite
ฉบับ
บท
License
Copyright (c) 2021 มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของ สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนสุนันทา
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยราชภัฎสวนสุนันทา และคณาจารย์ท่านอื่นๆในมหาวิทยาลัยฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว